ชี้ช่องกระจายลงทุน สหรัฐ-อินเดียเด่น ส่วนไทยภาคบริการ-นิคมฯ โตต่อ

นางสาวนนท์นลิน ทังสุนทร ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ขณะนี้แนวโน้มเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐมีแนวโน้มติบโตได้ดีกวาในฝั่งเอเชีย ที่ถูกกดดันจากการเติบโตของจีนที่ชะลอลงจากปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เงินลงทุนต่างประเทศ (ฟันด์โฟลว์) ไหลออกจากเอเชีย มุมมองต่อการกระจายไปลงทุนไปลงทุนในต่างประเทศในระยะถัดไปจึงยังให้น้ำหนัก (Overweight) กับการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังเติบโตได้ ความเสี่ยงเศรษฐกิจลดต่ำลง และกำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโต   

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ภาพเศรษฐกิจของกลุ่มยุโรปถือว่ามีสัญญาณการปรับตัวดูดีขึ้นโดยภาคบริการที่เคยลงไปต่ำสุดเริ่มปรับตัวดีขึ้น เช่นเดียวกับแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยเริ่มนักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น   ขณะที่เศรษฐกิจจีนมองวานาจะพ้นจุดต่ำสุดแล้ว แต่สัญญาณการฟื้นตัวยังรอมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ และหากมองไปข้างหน้าในภาวะที่จีนชะลอ แต่ตลาดหุ้นอินดียยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจทีพึ่งกำลังซื้อในประเทศ และเงินลงทุนโดยตรง (FDI) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ถือเป็นดาวรุ่งของภูมิภาคนี้ ที่ยังมีแนวโน้มโตแล้ว โตอยู่ และโตต่อ  

ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยแม้ตลาดจะชะลอ แต่ยังมีโอกาสการลงทุนในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่รองรับการย้ายฐนการผลิตเข้ามาทีไทย และยังมีแรงซื้อโค้งสุดท้ายจากนักลงทุนรายย่อยโดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ยังน่าจะลงทุนเพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีในปลายปี 2567 นี้  

สำหรับคำแนะนำการลงทุน UOBAM แนะทยอยสะสมในกองทุน UUSA หรือ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส โกรท ฟันด์ ที่ลงทุนในกองทุน JPMorgan Funds - US Growth Fund Class I (acc) - USD โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตหรือแนวโน้มการเติบโต (Growth style) ของบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนักลงทุนสามารถทยอยสะสมได้ในจังหวะที่ตลาดหุ้นสหรัฐย่อตัว 

และ UESG หรือ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด อิควิตี้ ซัสเทนเนเบิล โกลบอล ฟันด์ ซึ่งกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ Robeco Sustainable Global Stars Equities IL EUR (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งและบริหารจัดการโดย Robeco Institutional Asset Management B.V. โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ขณะที่ตลาดหุ้นจีนหากสะสมการลงทุนระยะยาวก็สามารถทยอยสะสมได้ เพื่อรอความชัดจนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ