
นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ซิตี้แบงก์ คาดว่ GDP ของประเทศไทยปี 2568 จะเติบโตที่ร้อยละ 3.2 เพิ่มจากร้อยละ 2.7 ในปี 2567 โดยมีปัจจัยหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ยังเติบโตได้ แม้จะชะลอลงจากปัญหาหนี้ครัวเรือน แต่การจ้างงานที่แข็งแกร่ง และมีการปรับขึ้นค่าแรงก็ช่วยพยุงกำลังซื้อได้ บวกกับมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐช่วยเสริม และรัฐน่าจะมีการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2568 เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากงบประมาณค้างจ่ายในปีงบประมาณ 2567
ขณะที่ ภาคการท่องเที่ยวยังเติบโตต่อเนื่องปีนี้คาดจํานวนนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ราว 39.8 ล้านคน ซึ่่งค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวอาจเพิ่มเป็น 44,000 บาท ทำให้คาดว่ารายได้การท่องเที่ยวไทยปีนี้จะอยู่ที่ราวร้อยละ 9.3 ของ GDP
ส่วนภาคการส่งออกคาดว่าจะเติบโตลดลง อยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 จากสถานการณ์การค้าโลกชะลอตัว และความไม่แน่นอนในการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้คาดจะเป็นบวกที่ร้อยละ 2.7 ของ GDP จากต้นทุนการนําเข้าน้ำมันลดลง และการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนค่าเงินบาทได้ในระดับหนึ่งท่ามกลางความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนจากดอลลาร์ที่อยู่ในทิศทางแข็งค่า
โดยในไตรมาสแรกปีนี้คาดเงินบาทจะอยู่ระดับ 35.60 บาท/ดอลลาร์ ก่อนที่ไตรมาส 4 ปีนี้จะแข็งค่าขึ้นมาที่ 34.90 บาท/ดอลลาร์ ส่วนดอกเบี้ยคาดว่าแบงก์ชาติจะคงดอกเบี้ยระดับร้อยละ 2.25 ไปตลอดจนถึงปี 2569 แต่มีโอกาสลด 1 ครั้งที่ร้อยละ 0.25 ในครึ่งแรกของปีนี้ หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวตามคาดการณ์
สรุปข่าว
นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ซิตี้แบงก์ คาดว่ GDP ของประเทศไทยปี 2568 จะเติบโตที่ร้อยละ 3.2 เพิ่มจากร้อยละ 2.7 ในปี 2567 โดยมีปัจจัยหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ยังเติบโตได้ แม้จะชะลอลงจากปัญหาหนี้ครัวเรือน แต่การจ้างงานที่แข็งแกร่ง และมีการปรับขึ้นค่าแรงก็ช่วยพยุงกำลังซื้อได้ บวกกับมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐช่วยเสริม และรัฐน่าจะมีการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2568 เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากงบประมาณค้างจ่ายในปีงบประมาณ 2567
ขณะที่ ภาคการท่องเที่ยวยังเติบโตต่อเนื่องปีนี้คาดจํานวนนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ราว 39.8 ล้านคน ซึ่่งค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวอาจเพิ่มเป็น 44,000 บาท ทำให้คาดว่ารายได้การท่องเที่ยวไทยปีนี้จะอยู่ที่ราวร้อยละ 9.3 ของ GDP
ส่วนภาคการส่งออกคาดว่าจะเติบโตลดลง อยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 จากสถานการณ์การค้าโลกชะลอตัว และความไม่แน่นอนในการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้คาดจะเป็นบวกที่ร้อยละ 2.7 ของ GDP จากต้นทุนการนําเข้าน้ำมันลดลง และการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนค่าเงินบาทได้ในระดับหนึ่งท่ามกลางความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนจากดอลลาร์ที่อยู่ในทิศทางแข็งค่า
โดยในไตรมาสแรกปีนี้คาดเงินบาทจะอยู่ระดับ 35.60 บาท/ดอลลาร์ ก่อนที่ไตรมาส 4 ปีนี้จะแข็งค่าขึ้นมาที่ 34.90 บาท/ดอลลาร์ ส่วนดอกเบี้ยคาดว่าแบงก์ชาติจะคงดอกเบี้ยระดับร้อยละ 2.25 ไปตลอดจนถึงปี 2569 แต่มีโอกาสลด 1 ครั้งที่ร้อยละ 0.25 ในครึ่งแรกของปีนี้ หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวตามคาดการณ์
ด้านนางสาวโจฮันน่า ฉัว หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และตลาดเอเชียแปซิฟิก ธนาคารซิตี้แบงก์ บอกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้นาจะเติบโตลดลงมาอยู่ระดับ ร้อยละ 4.3 จากร้อยละ 4.8 ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ส่วนนโยบายการขึ้นภาษีของทรัมป์มองว่า ภาษี tariff น่าจะปรับขึ้นเฉลี่ยราวร้อยละ 15 ขึ้นกับประเภทสินค้าวาจะจำเป็นต่อสหรัฐแค่ไหน กลังทรัมป์ ให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อและผลกระทบต่อคนอเมริกันมากขึ้น ยกเว้นจีนที่อาจถูกปรับขึ้นมากกว่า โดยคาดผลกระทบกับไทยจะไม่รุนแรง เพราะไทยจะได้ทั้งผลบวกจากการย้านฐานจากจีน แต่สินค้าจีนอาจเข้ามาขายในเอเชียมากขึ้น
- ธุรกิจเลิกกิจการเฉียด 4,000 ราย จัดตั้งใหม่เกิน 30,000 ราย ช่วง 4 เดือนแรก ปี 2568
- เศรษฐกิจไทย เม.ย. 68 ได้แรงหนุนส่งออก แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัวลง
- งบปี 69 ใช้ยังไง? เปิดรายการลงทุนหลักของรัฐบาล ดัน ศก.-ฝ่าวิกฤตโลก
- การเลือกผู้ว่า "แบงก์ชาติ" คนใหม่ สำคัญกับคนไทยแค่ไหน นอกจากเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยบ้าน
- สหรัฐ-จีนลดภาษีนำเข้า ส่องโอกาส-ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย
- ภาษีเข้ารัฐ 7 เดือนแรกปีงบ 68 ทะลุ 1.13 ล้านล้าน สูงกว่าเป้า 1.6%
- "ทรัมป์" อ้างจีนขอเจรจาก่อน ย้ำไม่ลดภาษีให้ จ่อประกาศดีลบิ๊กคืนนี้ คาดจับมือสหราชอาณาจักร
ที่มาข้อมูล : ธนาคารซิตี้แบงก์
ที่มารูปภาพ : ถ่ายเอง
TNNThailand