ภาพมุมสูงของในช่วงหน้าแล้งของอ่างเก็บน้ำโคกก่อ ต.โคกก่อ อ.เมือง จ.มหาสารคาม พบว่าปริมาณน้ำช่วงนี้ เหลือแค่ 0.807 ล้าน ลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 19.56 ของความจุอ่าง จะเห็นสันดอนทรายโผล่เหนือน้ำ ทำให้ชาวบ้านได้เอาเรือออกไปคราด หอยเล็บม้า หรือ หอยกี้
ในแต่ละวันชาวบ้านก็จะออกจากบ้านมาปักหลักคราดหอยตั้งแต่ช่วง 7 โมงเช้า ไปจนถึงบ่าย 2 หรือบ่าย 3 โดยชาวบ้านจะแล่นเรือไปยังจุดที่น้ำลด หรือมีน้ำประมาณท่วมหัวเข่า
จากนั้นก็นำอุปกรณ์ ก็คือ"คราด"ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาแบบง่ายๆ โดยจะมีแหอยู่ปลายคราด แล้วคราดลงไปในน้ำให้ถึงทราย
โดยจะเดินเข้าหาตัวเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ เมื่อคราดรู้สึกหนัก ก็จะนำหอยที่คราดได้มาใส่ในกะละมัง เพื่อมาร่อนเอาเศษขยะออก ให้เหลือแต่หอยเล็บม้า แล้วก็ใส่กระสอบนำไปใส่ถังน้ำแข็งไว้รอพ่อค้ามารับซื้อ
นางวราภรณ์ สาศิริ ชาวบ้านวัย 58 ปี เล่าว่าการหาหอยเล็บม้าไม่ยุ่งยาก มีแค่กะละมังกับคน โดยจะออกมาหาหอยเล็บม้าในช่วงนี้เพราะน้ำในล่างจะลดลงมาก เฉพาะหน้าแล้งตั้งแต่เดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคมเท่านั้น เมื่อน้ำขึ้นก็ไม่สามารถหาหอยเล็บม้าได้อีก
ต้องรอจนกว่าจะถึงหน้าแล้งของปีหน้าจึงจะกลับมาหาหอยขายได้อีกครั้ง ซึ่งก็ถือได้ว่า 1 ปีมีครั้งเดียว
ใน 1 วันจะหาได้ 30-50 กิโลกรัม ขายได้กิโลกรัมละ 10 บาท ทำให้มีรายได้ 300-500 บาท ถือเป็นการสร้างรายได้ และลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เพราะหอยที่ได้ส่วนหนึ่งจะขายและเก็บไว้ประกอบอาหาร
สำหรับ "หอยเล็บม้า"มีรสชาติที่หวานอร่อย กลมกล่อม สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายเมนู ความอร่อยขึ้นชื่อจนมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ แล้วนำไปส่งขายต่อยังประเทศมาเลเซีย ได้ 2 ปีแล้ว
สรุปข่าว
ภาพมุมสูงของในช่วงหน้าแล้งของอ่างเก็บน้ำโคกก่อ ต.โคกก่อ อ.เมือง จ.มหาสารคาม พบว่าปริมาณน้ำช่วงนี้ เหลือแค่ 0.807 ล้าน ลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 19.56 ของความจุอ่าง จะเห็นสันดอนทรายโผล่เหนือน้ำ ทำให้ชาวบ้านได้เอาเรือออกไปคราด หอยเล็บม้า หรือ หอยกี้
ในแต่ละวันชาวบ้านก็จะออกจากบ้านมาปักหลักคราดหอยตั้งแต่ช่วง 7 โมงเช้า ไปจนถึงบ่าย 2 หรือบ่าย 3 โดยชาวบ้านจะแล่นเรือไปยังจุดที่น้ำลด หรือมีน้ำประมาณท่วมหัวเข่า
จากนั้นก็นำอุปกรณ์ ก็คือ"คราด"ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาแบบง่ายๆ โดยจะมีแหอยู่ปลายคราด แล้วคราดลงไปในน้ำให้ถึงทราย
โดยจะเดินเข้าหาตัวเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ เมื่อคราดรู้สึกหนัก ก็จะนำหอยที่คราดได้มาใส่ในกะละมัง เพื่อมาร่อนเอาเศษขยะออก ให้เหลือแต่หอยเล็บม้า แล้วก็ใส่กระสอบนำไปใส่ถังน้ำแข็งไว้รอพ่อค้ามารับซื้อ
นางวราภรณ์ สาศิริ ชาวบ้านวัย 58 ปี เล่าว่าการหาหอยเล็บม้าไม่ยุ่งยาก มีแค่กะละมังกับคน โดยจะออกมาหาหอยเล็บม้าในช่วงนี้เพราะน้ำในล่างจะลดลงมาก เฉพาะหน้าแล้งตั้งแต่เดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคมเท่านั้น เมื่อน้ำขึ้นก็ไม่สามารถหาหอยเล็บม้าได้อีก
ต้องรอจนกว่าจะถึงหน้าแล้งของปีหน้าจึงจะกลับมาหาหอยขายได้อีกครั้ง ซึ่งก็ถือได้ว่า 1 ปีมีครั้งเดียว
ใน 1 วันจะหาได้ 30-50 กิโลกรัม ขายได้กิโลกรัมละ 10 บาท ทำให้มีรายได้ 300-500 บาท ถือเป็นการสร้างรายได้ และลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เพราะหอยที่ได้ส่วนหนึ่งจะขายและเก็บไว้ประกอบอาหาร
สำหรับ "หอยเล็บม้า"มีรสชาติที่หวานอร่อย กลมกล่อม สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายเมนู ความอร่อยขึ้นชื่อจนมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ แล้วนำไปส่งขายต่อยังประเทศมาเลเซีย ได้ 2 ปีแล้ว
- "คุณพระช่วย"เหมาแตงโม 5 ตัน จากเกษตรกร แจกชาวบ้าน | เรื่องดีดีทั่วไทย | 28-05-68
- เช็กอิน"บ้านถ้ำผึ้ง"ชมสิ่งมหัศจรรย์"บ่อน้ำดันทรายดูด" | เรื่องดีดีทั่วไทย | 27-05-68
- "เจ๊ป้อมทุเรียนเหล็ก" เอาใจลูกค้าไทย-ต่างชาติ เปิดขาย 24 ชั่วโมง | เรื่องดีดีทั่วไทย | 20-05-68
- พิธีลาสิกขาสามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 11 I เรื่องดีดีทั่วไทย 20-05-25
- "สวนนันทนา"ดินแดนพญานาคใหญ่ 4 ตระกูล แลนด์มาร์กใหม่ขอนแก่น | เรื่องดีดีทั่วไทย | 20-05-68
- ปลูกพลูขายใบ เก็บขายได้เงินหมื่นต่อเดือน I เรื่องดีดีทั่วไทย 14-05-25
- ปลูก"ผักสาบ" 4 ไร่ โกยรายได้หลักแสนต่อเดือน | เรื่องดีดีทั่วไทย | 13-05-68
ที่มาข้อมูล : ผู้สื่อข่าวภูมิภาค
ที่มารูปภาพ : ผู้สื่อข่าวภูมิภาค
