
สรุปข่าว
คลิกอ่าน สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวเดินทางไปจีนในยุคหลังโควิด-19 (ตอน 1)
คลิกอ่าน สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวเดินทางไปจีนในยุคหลังโควิด-19 (ตอน 2)
มาถึงประเด็นที่ทุกคนรอติดตามกันอยู่ ก็คือ สภาพการกักตัวของจีนเป็นเช่นไร มีอะไรเป็นข้อจำกัดบ้างหรือไม่ และโรงแรมกักตัวของจีนน่าสะพรึงกลัวอย่างที่คนไทยร่ำลือกันจริงหรือไม่ อย่างไร ...
ครั้นเมื่อถึงโรงแรมกักตัว ผู้โดยสารสามารถเช็คอินผ่านระบบออนไลน์ด้วยการสแกน QR Code ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ประจำโรงแรมกักกันที่สวมใส่ชุดป้องกันโควิด-19 เต็มรูป และสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ จะคอยช่วยแนะนำการลงทะเบียนที่พัก และอาจเพิ่มเพื่อนในวีแช็ต (WeChat) เพื่อพูดคุยและตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตนในระหว่างการกักตัวได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ หลายโรงแรมกักตัวยังมีเอกสารระบุขั้นตอนการปฏิบัติตนวางไว้ในห้องพักอีกด้วย
ปัจจุบันระยะเวลาการกักตัวในหลายหัวเมืองอยู่ในสูตร 14+7 วัน (14 วันภาคบังคับ และรัฐบาลท้องถิ่นแถมให้อีก 7 วัน) บางหัวเมืองที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดหรือมีระดับความอ่อนไหวสูง เช่น ปักกิ่ง ก็อาจขอให้แต่ละคนไปกักตัวที่บ้านพักต่ออีก 7 วันก็มี หรือหากมีผู้โดยสารที่เดินทางในเที่ยวบินเดียวกันตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด ก็อาจเพิ่มวันกักตัวคนอื่นๆ อีกด้วย
ภาพจาก AFP
ในแง่ของค่าใช้จ่าย ผู้โดยสารออกค่าใช้จ่าย 2 สัปดาห์ และรัฐบาลจีนดูแลค่าใช้จ่าย 1 สัปดาห์ ซึ่งแต่ละแห่งในแต่ละเมืองจะแตกต่างกัน โดยทั่วไปก็อยู่ที่วันละไม่เกิน 600 หยวน (ค่าห้องพัก 500 หยวน และค่าอาหาร 100 หยวน) และค่าตรวจเชื้อจำนวน 3 ครั้ง เป็นเงิน 105 หยวน (ในทางปฏิบัติ จะมีการตรวจโควิดในทุก 3-4 วัน) รวมเป็นเงินทั้งสิ้นราว 8,500 หยวน แต่หากคิดจากฐาน 21 วันที่อยู่ในโรงแรมกักตัว ค่าใช้จ่ายดังกล่าวก็เฉลี่ยราว400 หยวนต่อวัน
จากการสัมภาษณ์พบว่า คณะนักศึกษาไทยหลายคนที่เดินทางเข้าเซี่ยงไฮ้ในชุดแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมามีระดับความพึงพอใจอย่างมากในสภาพทั่วไปของห้องพัก อาหาร และบริการโรงแรมกักตัวที่รัฐบาลเซี่ยงไฮ้จัดให้ ซึ่งได้แก่ “The QUBE Hotel” ทั้งนี้ สนนราคาอยู่ที่วันละ470 หยวน บวกค่าอาหาร 3 มื้ออีกเพียง 50 หยวน
ทั้งนี้ แต่ละคนสามารถชำระค่าบริการกักตัวเต็มจำนวนล่วงหน้าผ่านหลายรูปแบบอาทิ เงินสดบัตรยูเนี่ยนเพย์ (UnionPay) และผ่านแอพ ซึ่งถือว่าสะดวกมาก
ผู้ให้สัมภาษณ์ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ของใช้จำเป็นที่โรงแรมกักตัวจัดเตรียมไว้ให้ในห้องพักได้แก่ สบู่หรือครีมอาบน้ำ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม ครีมนวด ผ้าเช็ดตัว และไดร์เป่าผม รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวดหลายแพ็กแอลกอฮอล์ กระดาษชำระแบบมีแอลกอฮอล์ หน้ากาก N95 และรองเท้าแตะ ซึ่งถือว่าเพียบพร้อมในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ดี ของใช้เหล่านี้อาจมีระดับคุณภาพปานกลาง และอาจไม่มีของใช้บางอย่างที่ผู้โดยสารใช้ประจำอาทิ น้ำยาซักผ้า และโฟมล้างหน้า ดังนั้น สำหรับคนที่รักสวยรักงามและความสะอาด หรือนิยมสินค้ายี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งเป็นการเฉพาะ ก็ควรจัดเตรียมของใช้ส่วนตัวเหล่านี้ไปด้วย
หลังจากที่แต่ละคนกระจายเข้าห้องพักของตนเองพร้อมสัมภาระแล้ว ก็อาจจะมีเจ้าหน้าที่แวะไปที่ห้องพักเพื่อย้ำเตือนวิธีปฏิบัติตน และตอบคำถามและข้อสงสัยเฉพาะ (ถ้ามี)
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะปล่อยให้แต่ละคนได้พักผ่อนตามสบาย โดยจะมีคนแวะมาส่งข้าวปลาอาหาร และผลไม้สดในแต่ละมื้อตามเวลา ซึ่งสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ก็บอกว่าอาหารอร่อยใช้ได้ และมีปริมาณค่อนข้างมากจนหลายคนรับประทานไม่หมดเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี อาหารอาจมีรสชาติจืดไปหน่อยสำหรับบางคน ดังนั้น เราอาจเตรียมเครื่องปรุงรสแบบซอง หรืออาหารกึ่งสำเร็จรูปเป็นเสบียงติดตัวไปด้วยก็ดี เพราะแต่ละห้องจะมีกาต้มน้ำและสามารถขอยืมจานชามของโรงแรมได้
หากแพ้อาหารบางประเภท หรือต้องการอาหารตามหลักศาสนา ผู้เดินทางเข้าจีนก็สามารถแจ้งเปลี่ยนอาหารจากเจ้าหน้าที่ได้ ในกรณีที่เบื่อ หรือไม่ชอบอาหารบางมื้อ ก็อาจสั่งอาหารจากเมนูพิเศษของโรงแรม โดยเรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองก็ได้ ทั้งนี้ โรงแรมกักตัวไม่อนุญาตให้สั่งอาหารจากข้างนอก เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
นอกจากนี้ ในห้องพักยังมีชุดตรวจวัดอุณหภูมิเตรียมไว้ให้ โดยในระหว่างที่อยู่ในโรงแรมกักตัว เจ้าหน้าที่จะโทรศัพท์มาสอบถามอุณหภูมิร่างกายในช่วงบ่ายของแต่ละวัน และไม่อนุญาตให้ออกจากห้องพักโดยไม่จำเป็น เว้นแต่การเปิดประตูออกมารับอาหารและทิ้งขยะ หรือมีเหตุฉุกเฉินเท่านั้น ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติ คนส่งอาหารจะกดกริ่งของแต่ละห้องเพื่อแจ้งว่ามีอาหารมาส่ง จึงไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด
ความเข้มงวดของระบบการกำกับควบคุมที่อาจทำให้คนไทย “อึ้ง ทึ่ง ฉงน” ยังสะท้อนผ่านหลายรูปแบบ เช่น การติดตั้งกล้องซีซีทีวีจับภาพบริเวณหน้าห้องอยู่ตลอด และมีบทปรับกับผู้ละเมิดอีกด้วย
รวมทั้งยังสะท้อนผ่านการตรวจ RT-PCR ในห้องพักของแต่ละคน และเก็บตัวอย่างในบางพื้นที่ในห้อง อาทิ อ่างล้างหน้า และลูกบิดประตู เพื่อตรวจสอบเชื้ออีกด้วย ทั้งนี้ หากมีผู้โดยสารที่มาในเที่ยวบินเดียวกันตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด จำนวนวันของการกักตัวของผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็จะถูกปรับเพิ่มขึ้น
โรงแรมกักตัวจะมีโทรทัศน์ไว้ให้บริการ แต่ส่วนใหญ่อาจเป็นช่องภาษาจีน บางคนไปจีนครั้งแรกๆ ก็จะคุ้นเคยกับรีโมทและช่องทีวีจีนในช่วงนี้ได้เลย
ภาพจาก AFP
ขณะเดียวกัน โรงแรมก็มี Wifi คุณภาพสูงรองรับอยู่ ซึ่งหากเรานำเอาสมาร์ตโฟนโน๊ตบุ๊ก หรือไอแพด ก็อาจเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ นอกจากนี้ หลายคนยังอาจติดหนังสือแนวโปรดที่ยังไม่ได้อ่านติดตัวไปด้วยสัก 1-2 เล่ม เหล่านี้จะทำให้ผู้เดินทางเข้าจีนคลายความเหงาไปได้บ้าง
นอกจากนี้ ในเช้าตรู่ของวันที่ 21 ของการกักตัว (บางแห่งจะตรวจตั้งแต่ยังไม่ถึง 6 โมงเช้าเลยก็มี) ก่อนที่ผู้โดยสารจะเดินทางออกจากโรงแรมกักตัว เจ้าหน้าที่ก็จะตรวจเชื้อโควิดอีกรอบหนึ่ง และทุกคนจะต้องรอจนกว่าผลตรวจจะออกมาเป็นลบ จึงจะสามารถออกจากโรงแรมกักตัวได้
จากข้อมูลการสัมภาษณ์และภาพถ่ายที่ได้รับจากผู้ที่เดินทางเข้าจีน ผมพอสรุปได้ว่า สภาพของโรงแรมกักตัวในจีนก็ไม่ได้น่าสะพรึงกลัวอย่างที่หลายคนกลัว ขณะที่อาหารและน้ำดื่มก็ไม่มีปัญหาในด้านปริมาณและคุณภาพแต่รสชาติก็อาจอร่อยมากน้อยตามแต่รสนิยมการบริโภคของแต่ละคน ซึ่งผู้เดินทางก็มีวิธีการและทางเลือกอื่นที่ช่วยลดความเบื่ออาหารจีนได้ในระดับหนึ่ง
หลังพ้นการกักตัว ทุกคนจะสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ และปฏิบัติตนตามแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดในท้องถิ่นเสมือนคนท้องถิ่น
ในสถานการณ์ทั่วไป การเดินทางและใช้ชีวิตในเมืองก็ไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย อย่างไรก็ดี การเดินทางไปต่างเมืองก็อาจต้องพิจารณาเป็นกรณีไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเงื่อนไขของเมืองที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีน หากเมืองไหนมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด และส่อเค้าว่าจะขยายวงกว้าง ก็จะมีการกำหนดมาตรการรุนแรงมากน้อยตามลำดับ ตั้งแต่การเฝ้าระวัง การตรวจเชื้อ การลดการเคลื่อนย้าย ไล่ไปจนถึงการล็อกดาวน์พื้นที่หรือเมืองเหมือนอย่างเซี่ยงไฮ้ประสบในช่วงปลายเดือนมีนาคมต่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แม้ว่าขั้นตอนพิธีการเดินทางเข้าจีนจะยังดูยุ่งยากดุจฝ่าด่าน 18 อรหันต์ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอยู่มาก และต้องเสียเวลากักตัวยาวนาน แต่ยังไงก็ขอให้ถือว่า นี่เป็นช่วงเวลาพิเศษที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และเป็นประสบการณ์ชีวิตที่หาได้ยากก็แล้วกันนะครับ ...
ภาพจาก AFP
- อาเซียน-จีน ประชุมกรอบความร่วมมือใช้เอไอในงานสื่อมวลชน
- จีนประณามรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวหาใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือต่อรอง
- จีนเลิก "แบน" อาหารทะเลญี่ปุ่น จ่อนำเข้าอีกครั้ง
- "คนจีน" ไม่กล้าใช้จ่าย 80 % หันออมเงิน แม้ดอกเบี้ยต่ำ
- เมื่อจีนใช้มังกรน้อย พลิกฟื้นชนบท (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
- เจนซี "จีน" เป็นฮีโร่ไม่รู้ตัว ใช้จ่ายตามอารมณ์ = ช่วยชาติ ?
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand