
สรุปข่าว
ขณะที่รัฐบาลไทยกำลัง “ขายฝัน” เรื่องการแจก “เงินดิจิตัล” และเปลี่ยนทิศไปสู่การจัดระเบียบ “เงินกู้นอกระบบ” เพื่อหวังช่วยบรรเทาปัญหา “ความยากจน” ของคนไทยต้อนรับปีมังกรที่กำลังจะมาถึง
ก็เกิดคำถามตามมาว่า ภายหลังการประกาศ “ขจัดปัญหาความยากจนให้หมดสิ้นจากแผ่นดินจีน” ในโอกาสครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนไปแล้ว รัฐบาลจีนหยุดนิ่งหรือทำอะไรต่อ และองค์กรที่เกี่ยวข้องแปรเปลี่ยนไปเป็นเช่นไร ...
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ผมมีโอกาสร่วมเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และสำรวจลู่ทางและโอกาสของสินค้าและบริการของไทยในเมืองลั่วหยาง เมืองเศรษฐกิจอันดับ 2 ของมณฑลเหอหนาน ที่เคยเป็นเมืองหลวงของจีนถึง 13 ราชวงศ์เมื่อหลายพันปีก่อน
ลั่วหยางเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ระดับ 5A ของจีนหลายแห่ง อาทิ วัดม้าขาว (White Horse Temple) และถ้ำผาหลงเหมิน หรือ “หลงเหมินฉือคู” (Longmen Shiku) ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างเมืองเข้าไปเยี่ยมเยือนถึง 120-150 ล้านคนต่อปี

และสถานที่ท่องเที่ยวหลังนี้เองที่จุดประกายมาสู่บทความนี้ เพราะระหว่างที่กำลังเดินสักการะพระพุทธรูปที่ถ้ำผาหลงเหมินซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกโลก” นับแต่ปี 2000 ผมก็เหลือบไปเห็นรถเครนสีเหลืองคันใหญ่จอดอยู่ที่มุมสุดปลายทางของสถานที่ท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าแห่งนี้
ทีแรกผมก็แปลกใจว่าทำไมมีรถเครนมาจอดอยู่แถวนั้น แต่พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ยิ่งแปลกใจยิ่งกว่า เพราะผมสังเกตเห็นสติ๊กเกอร์ที่แปะอยู่ที่แขนของรถเครนคันดังกล่าวระบุว่า “China Foundation for Rural Development” เลยถ่ายภาพกลับมาเตือนความจำ
ผมไม่เคยทราบมาก่อนว่า จีนก่อตั้ง “มูลนิธิจีนเพื่อการพัฒนาชนบท” วันนั้น ผมเดินออกจากถ้ำผาหลงเหมินพร้อมกับการคิดหาคำตอบให้ตัวเองว่า CFRD คงเกิดขึ้นพร้อมกับนโยบายสร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับพื้นที่ชนบทของจีนเมื่อไม่นานมานี้
ด้วยความสนใจ ผมก็เลยหาเวลาศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับมูลนิธิฯ ดังกล่าว และพบว่าผมถูกเพียงครึ่งเดียว โดยมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ ผมจึงอยากนำมาแลกเปลี่ยนกับท่านผู้อ่านกันในวันนี้ครับ
ประการแรก มูลนิธิฯ นี้ “แปลงร่าง” มาจาก “มูลนิธิจีนเพื่อการบรรเทาความยากจน” (China Foundation for Poverty Alleviation)
ท่านผู้อ่านอาจทราบดีว่า ตลอดหลายทศวรรษภายหลังการก่อตั้งพรรคฯ ผู้นำทุกรุ่นทุกสมัยของพรรคฯ ต่าง “ตระหนักความสำคัญ” และ “ส่งไม้ต่อ” เรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจนระหว่างกัน
เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จีนดำเนินโครงการ “แบบมุ่งเป้า” มากมายและก่อตั้งหลาย “องค์กรขับเคลื่อน” ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ได้แก่ CFPA เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ในการดำเนินนโยบายนี้
ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า CFPA ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 1989 หรือหลังการเปิดประเทศสู่ภายนอกราว 10 ปี โดยจดทะเบียนภายใต้กระทรวงกิจการพลเรือนของจีน และต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในองค์กรการกุศลด้านการบรรเทาความยากจนที่ใหญ่ที่สุดในจีน
CFPA อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานกลุ่มผู้นำสภาแห่งรัฐด้านการบรรเทาความยากจนและการพัฒนา (State Council Leading Group Office of Poverty Alleviation and Development) โดยมีภารกิจสำคัญครอบคลุมทั้งการเผยแพร่ความดีและลดความยากจน ขณะเดียวกันก็ สนับสนุนส่งเสริมการปฏิรูป ระดมการมีส่วนร่วมทางสังคม และสร้างพันธมิตร
CFPA ดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องทั้งในจีนและต่างประเทศ โดยมีสํานักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่งและสำนักงานเครือข่ายในนครเฉิงตู รวมทั้งสํานักงานในหลายประเทศ อาทิ เมียนมาร์ เนปาล และเอธิโอเปีย
ในจีน CFPA ดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวางเพื่อมุ่งหวังให้เกิดการบรรเทาความยากจนอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม อาทิ การให้บริการด้านสุขภาพและอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการแก่ประชากรที่อ่อนแอ โดยเน้นไปที่มารดาและเด็ก
ขณะที่ในด้านการศึกษา CFPA ยังมอบทุนการศึกษา ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก ส่งมอบเครื่องเขียน และอื่นๆ
ขณะเดียวกัน เพื่อสนับสนุนการดํารงชีวิตของชุมชน CFPA มีโครงการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว การพาณิชย์ และการเงินรายย่อย รวมทั้งยังทํางานเพื่อบรรเทาสาธารณภัย โครงการการกุศล และการสนับสนุนสาธารณะ

ในต่างประเทศ CFPA ริเริ่มดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือครั้งแรกในเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2004 หลังจากนั้น CFPA ก็ดำเนินโครงการที่มีความหลากหลายสูงในประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจน้อยมาอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทวีปเอเซีย แอฟริกา และละตินอเมริกากระจายในกว่า 20 ประเทศ
นอกจากนี้ CFPA ยังมีโครงการความร่วมมือระยะยาวในหลายประเทศ อันได้แก่ เมียนมา เนปาล เอธิโอเปีย ซูดาน และยูกันดา
จนถึงปัจจุบัน CFPA ได้อุทิศเงินนับพันล้านหยวนให้กับงานระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกในวงกว้างผ่านโครงการต่างๆ อาทิ ด้านการศึกษา การรวมกลุ่มของผู้ลี้ภัย การจัดหาอาหาร การเพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิง และการฝึกอบรมวิชาชีพ รวมทั้งยังมีส่วนร่วมในการบรรเทาทุกข์และการสนับสนุนเพื่อบรรเทาวิกฤติฉุกเฉินทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ภายหลังการประกาศชัยชนะเหนือ “ความยากจน” จีนก็ให้ความสำคัญกับ “ความยั่งยืน” เพื่อมิให้ปัญหาดังกล่าววนเวียนกลับมาอีก และ “มองไกล” ที่อยากเห็นชาวจีนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแท้จริงและถ้วนหน้าดั่งแคมเปญ “เจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” (Common Prosperity)
และโดยที่ชาวจีนที่ “หลุดพ้น” จากความยากจนมีจำนวนหลายร้อยล้านคน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชนบท “ที่ด้อยโอกาส” คิดเป็นราว 40% ของจำนวนประชากรของจีนโดยรวม
ย้อนกลับไปในระยะแรกของการเปิดประเทศสู่โลกภายนอก และนําการปฏิรูปตลาดมาใช้ในช่วงปลายทศวรรษ 1970-1980 นักลงทุนต่างชาติจํานวนมากต่างเลือกเข้าไปลงทุนในเมืองใหญ่ที่มีความพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชายฝั่งทะเลด้านซีกตะวันออกของจีน

“คลื่นของความเจริญ” ในช่วงแรกจึงมีลักษณะที่กระจุกตัวในเชิงภูมิศาสตร์ ทั้งในด้านซีกตะวันออกก่อนพื้นที่ตอนกลางและซีกตะวันตก และในชุมชนเมืองบนต้นทุนของพื้นที่ชนบท
ถึงขนาดว่า เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นําในขณะนั้นเคยกล่าวประโยคอมตะเอาไว้ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะต้อง “ปล่อยให้บางคนรวยก่อน” เพื่อลดกระแสการต่อต้านแนวทางการพัฒนาดังกล่าว
หลายปีต่อมา พื้นที่ชนบทหลายแห่งได้รับความเดือดร้อนจากนานาปัญหาที่ผุดขึ้น อาทิ ความเสื่อมโทรมด้านสิ่งแวดล้อม และการโยกย้ายถิ่นฐานมาสู่ในชุมชนเมือง
ไม่เพียงว่าพื้นที่ชนบทได้รับประโยชน์น้อยจากการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนในระยะแรกเท่านั้น แต่ความเหลื่อมล้ําระหว่างชุมชนเมืองและชนบทก็ถ่างกว้างขึ้น
และนี่จึงเป็นก่อกำเนิดของนโยบายการสร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับพื้นที่ชนบท (Rural Revitalization) ในสมัยสี จิ้นผิง ในเวลาต่อมา
แล้ว CFRD เข้ามาเกี่ยวข้องกัยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจีนในตอนไหน อย่างไร เราไปคุยกันต่อตอนหน้าครับ ...
ภาพจาก AFP
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand