เมื่อจีนเอาชนะคู่แข่งด้วย “ความเร็ว” (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

เมื่อจีนเอาชนะคู่แข่งด้วย “ความเร็ว” (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

สรุปข่าว

บ่อยครั้งที่ผู้อ่านหลายท่านอาจพยายามหาคำตอบว่า ทำไมธุรกิจจีนจึงสามารถเอาชนะคู่แข่งได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และอาจนึกถึงหลายปัจจัยเบื้องหลัง แต่มีเหตุผลหนึ่งที่ผู้คนไม่ค่อยพูดถึงก็คือ “ความเร็ว” เราไปเจาะลึกประเด็นนี้กันครับ ...

ในโลกธุรกิจ เราอาจคุ้นเคยกับคำกล่าวเดิม “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” แต่การพัฒนาด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกอินเตอร์เน็ต ทำให้เกิดปรากฎการณ์ใหม่ของ “ปลาเร็วกินปลาช้า” 

การติดกับดักทางความคิดกับสุภาษิตเดิมทำให้ทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมัก “มองข้าม” และไม่ได้เข้าถึงปัจจัยส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันที่แท้จริง 

ในระดับมหภาค ประเทศที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว นอกจากจะทำให้ภาคการผลิต ตลาดภายในประเทศ และชุมชนเมืองขยายตัวแล้ว ก็ยังมีส่วนช่วยสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ช่วยส่งเสริมการส่งออกและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ในระดับที่สูงขึ้น

นั่นหมายความว่า “ความเร็ว” สามารถช่วยพัฒนาเชิงกลยุทธ์ตลอดห่วงโซ่แห่งคุณค่าแก่ธุรกิจและการพัฒนาเศรษบกิจและสังคมของประเทศได้ โดยอาจช่วยหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปผ่านการลดการสูญเสีย ส่งเสริมความถูกต้อง แม่นยำ และเป็นรูปธรรม และแม้กระทั่งยกระดับมุมมองความท้าทายในการแข่งขันและการพัฒนาในภาพใหญ่

ยิ่งในกรณีของจีน ก็เป็นภาพที่ชัดเจนยิ่ง เพราะแม้ว่าจะมีหลายประเทศที่ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว แต่ผมมองว่า มีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกเท่านั้นที่มีวัฒนธรรมแห่ง “ความเร็ว” ที่แพร่หลายและฝังแน่นดั่งเช่นจีน จนในจีนมีคำกล่าวที่ว่า “เปลี่ยนเล็กทุกปี เปลี่ยนใหญ่ทุก 3 ปี”

สิ่งนี้เกิดขึ้นในหลายด้านตั้งแต่ในระดับมหภาค อาทิ โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านขนส่งสื่อสาร สาธารณสุข และอื่นๆ ดังที่เราเห็นการสร้างเมืองใหม่ การขยายโครงข่ายเส้นทางรถไฟความเร็วสูง การพัฒนารถไฟแม่เหล็กไฟฟ้า (Maglev) และการเชื่อมต่อระบบ 5G หรือแม้กระทั่งการก่อสร้างโรงพยาบาลที่อู่ฮั่นที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ

ผู่ตง (Pudong) ซีกตะวันออกของเซี่ยงไฮ้อาจเป็นต้นแบบเมืองใหม่แรกๆ แต่หากเราท่องไปในเมืองจีนในช่วงหลายสิบปีหลัง ก็อาจพบว่า บ้านเมืองในจีนเปลี่ยน “หน้าตา” ไปอย่างรวดเร็ว แถมยังมีเมืองใหม่ผุดขึ้นเป็นระยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวงอัน (Xiong'an) 

เมืองใหม่สวงอันถือเป็นโครงการ “เรือธง” ของสี จิ้นผิง ตั้งในเขตป่าวติ้ง (Baoding) มณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งราว 100 กิโลเมตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผ่อนคลายหน้าที่ที่ไม่จำเป็นและลดความหนาแน่นของกรุงปักกิ่ง และเสริมสร้างการพัฒนาแบบบูรณาการของกลุ่มเมืองปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย “จิงจินจี้” บริเวณคอไก่ สู่ระดับคุณภาพสูง

ทั้งนี้ ภายหลังการประกาศจัดตั้งเมืองใหม่สวงอันเมื่อเดือนเมษายน 2017 หรือราว 7 ปีก่อน พื้นที่ชนบทที่แทบไร้โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในอดีตก็ถูกพลิกโฉมจนกลายเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมและการประกอบการ และโมเดลต้นแบบของการพัฒนาสีเขียว

โดยที่ผ่านมา สวงอันได้รับอนุญาตให้เป็นพื้นที่ “นำร่อง” ในการทดลองนวัตกรรมในยุคหลังของจีน อาทิ รถไร้คนขับ เงินหยวนดิจิตัล และศูนย์คอมพิวเตอร์ชุมชนเมือง 

โดยเมื่อปลายปี 2022 สวงอันได้เริ่มใช้บริการเครือข่าย คอมพิวเตอร์ และระบบการจัดเก็บข้อมูลล้ำสมัยแบบ “บิ๊กดาต้า” บล็อกเชน และอินเตอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง รวมทั้งถนนดิจิตัล (Digital Road)

ปัจจุบัน หรงตง (Rongdong) ถือเป็นเขตแรกที่ก่อสร้างถนนดิจิตัลแบบครบวงจรเสร็จสมบูรณ์แล้ว ถนนดิจิตัลดังกล่าวครอบคลุมเส้นทางหลัก รอง และซอยเป็นระยะทางรวมกว่า 150 กิโลเมตร และติดตั้งเสาข้อมูลเอนกประสงค์ เรดาห์ กล้องเก็บค่าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือตรวจจับอื่น และอุปกรณ์สนับสนุนอัจฉริยะเพื่อกำกับควบคุมถนนและสื่อสารและวิเคราะห์ข้อมูลที่รวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มกลาง 

การเรียกใช้บริการรถบัสไร้คนขับกระทำได้เพียงการกดสมาร์ตโฟน แถมยังไม่มีค่าใช้จ่าย รถไร้คนขับดังกล่าวติดตั้งเซ็นเซอร์กว่า 20 ตัวและมาพร้อมกับเรดาห์แบบเลเซอร์และกล้องความละเอียดสูงที่สื่อสารกับชุมชนที่อยู่อาศัย ส่วนสาธารณะ และศูนย์กลางการขนส่ง รวมทั้งถนนดิจิตัล โดยระบบปฏิบัติการอยู่ในระดับ L4 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในจีนในปัจจุบัน แต่ในทางปฏิบัติก็ยังให้มีคนขับนั่งสแตนด์บายอยู่เพื่อลดความเสี่ยงยามฉุกเฉิน

อัลกอริธึมส์ (Algorithms) ที่ล้ำสมัยสามารถเลือกเส้นทางและจัดตารางการเดินทางที่เหมาะสม รวมทั้งยังปรับความเร็วตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ช่วยลดเวลา ค่าใช้จ่าย ความเครียด และอุบัติเหตุ รวมทั้งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน ทำให้สวงอันเป็น “เมืองน่าอยู่” อย่างแท้จริง

ระบบดังกล่าวยังช่วยตรวจสอบยานยนต์จากนอกพื้นที่และการขับขี่และการใช้ยานยนต์ที่ผิดกฎหมายหรือไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบเป็นอัตโนมัติ ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ยังถือเป็นส่วนน้อย และผมยังคิดอยู่เสมอว่า ถ้าจีนไม่ต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด พัฒนาการดังกล่าวก็น่าจะเร็วกว่านี้มาก

นอกจากนี้ ศูนย์คอมพิวเตอร์ชุมชนเมืองสวงอันยังช่วยให้การบริหารจัดการเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล หากอาคารที่อยู่อาศัยเกิดไฟไหม้ แพลตฟอร์มดังกล่าวจะคิดคำนวณพื้นที่และผู้ได้รับผลกระทบในทันที และส่งข้อมูลเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับรถดับเพลิงในการเข้าถึงพื้นที่ไฟไหม้และตรวจสอบแรงดันน้ำในบริเวณใกล้เคียง 

หรือแม้กระทั่งการตรวจสอบการใช้น้ำของผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพัง เมื่อแอปพลิเคชั่นตรวจไม่พบการใช้น้ำในช่วงเวลาใด ศูนย์ฯ จะส่งข้อมูลแจ้งเตือนอัตโนมัติไปยังอาสาสมัครเพื่อแวะไปเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุ

บริการสาธารณะในพื้นที่ก็นับเป็นส่วนหนึ่งที่ดำเนินไปอย่างเป็นรูปธรรมในระยะเวลาอันสั้น โดยจนถึงปัจจุบัน รัฐวิสาหกิจจากส่วนกลางได้เปิดสาขาและเครือข่ายกว่า 200 แห่ง รวมทั้งสวนวิทยาศาสตร์จงกวนชุน (Zhongguancun Science Park) ก็ขยายไปเปิดที่สวงอันเพื่อสนับสนุนเมืองแห่งนวัตกรรมและการประกอบการยุคใหม่เช่นกัน 

รัฐบาลสวงอันยังออกมาตรการที่ให้สิทธิประโยชน์อย่างรอบด้านแก่ธุรกิจ แรงงานคุณภาพสูง และผู้มีส่วนได้เสียอื่น ทำให้สวงอันมีต้นทุนการประกอบการที่ต่ำและเป็นมิตรต่อสตาร์ตอัพของจีนและต่างชาติ ส่งผลให้สามารถดึงดูดผู้ประกอบการและกิจการนวัตกรรมจากทั่วโลกหลายหมื่นราย 

สิทธิประโยชน์ดังกล่าวยังครอบคลุมถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อาทิ นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ ทีมวิจัยคุณภาพสูง และผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เช่น นักวิทยาศาสต์สามารถขอรับเงินทุนวิจัยสูงถึง 50 ล้านหยวน  ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน จีนได้ออกใบอนุญาตทำงานแก่ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 10,000 คนแล้ว 

อ่านต่อตอนหน้าครับ ...


ภาพจาก: AFP

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand

แท็กบทความ

จีน
การพัฒนาจีน
เทคโนโยลีจีน
พัฒนาจีน
รถไฟแม่เหล็กไฟฟ้า
ธุรกิจจีน