

สรุปข่าว
ผมเขียนบทความนี้ “ข้ามปี” เลยถือโอกาสสวัสดีปีมะเส็ง ขอให้ท่านผู้อ่านและครอบครัวมีความสุขสมหวัง สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้นไปตลอดปีนี้นะครับ
พูดถึงปีนักษัตร “งู” ก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถในการปรับตัว ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจการของไทยจะสามารถปรับตัวกับ “ความเร็วของจีน” ได้ดียิ่งขึ้น วันนี้เราไปคุยกันต่อเลยว่า ในระดับมหภาคจีนยังมีกรณีศึกษาที่สะท้อนถึง “ความเร็ว” อะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ...
บริการสาธารณะนับว่ามีบทบาทสำคัญเช่นกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งระบบนิเวศอย่างพร้อมสรรพของจีน ก็ทำให้ผู้ประกอบการในจีนสามารถเดินหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาได้อย่างสะดวกและประหยัด อันนำไปสู่การผลิตผลงานวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมในเชิงพาณิชย์ได้อย่างรวดเร็ว
ความพร้อมของโครงสร้างท่าเรือและโครงข่ายการขนส่งทางถนน ทำให้วัตถุดิบและสินค้านวัตกรรมที่ผลิตขึ้นในเมืองสวงอันถูกขนส่งเข้าออกผ่านท่าเรือเทียนจิน ท่าเรือหลักในบริเวณ “คอไก่” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกสิ่งหนึ่งที่อาจเป็นผลพลอยได้ตามมาอย่างคาดไม่ถึงก็คือ ความเจริญอย่างรวดเร็วของสวงอันยังช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการทั้งจีนและเทศให้เข้าไปส่องดูพัฒนาการของเมืองอีกด้วย ซึ่งช่วยสร้างความกระชุ่มกระชวยในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง
ท่านผู้อ่านที่อยากเข้าใจพัฒนาการของเมืองและทิศทางการพัฒนาในอนาคตต้องหาเวลาแวะไปเยือนด้วยตนเอง ผมขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชมโถงจัดนิทรรศการของเมืองเพื่อจะได้เห็นแนวทางและทิศทางการพัฒนาของสวงอันในอนาคต และใช้เวลานั่งรถและเดินเล่นในตัวเมืองเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย
เพราะที่ผมเล่ามาทั้งหมดก่อนหน้านี้ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนาในภาพรวม ผมยังคิดอยู่ว่า หากไม่เผชิญกับวิกฤติโควิด ความเจริญของสวงอันน่าจะรุดหน้ากว่าที่เป็นอยู่อย่างมาก และพร้อมที่จะก้าวขึ้น “เมืองต้นแบบแห่งอนาคต” ของจีนได้อย่างแท้จริง
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ การพัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง ในพื้นที่ปากแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ผมได้สัมผัส ย้อนกลับไปในช่วง 20 ปีก่อน การเดินทางจากเซี่ยงไฮ้ไปยังหัวเมืองในมณฑลเจียงซู เจ้อเจียง และอันฮุยต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย แต่ปัจจุบันการมาของบริการรถไฟฯ ช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการเดินทาง รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินแคมเปญ “เศรษฐกิจ 1 ชั่วโมงเดินทาง” ได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบัน การใช้บริการรถไฟฯ ตัวท็อปที่วิ่งด้วยความเร็วราว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจากเซี่ยงไฮ้ไปยังหัวเมืองในมณฑลเจียงซู เช่น ซูโจว ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และหูโจว ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หรือด้านซีกตะวันตกของหางโจว ซึ่งเป็นย่านธุรกิจไฮเทคและดิจิทัลในมณฑลเจ้อเจียง ก็ใช้เวลาเพียง 78 นาที สิ่งเหล่านี้ช่วยเชื่อมและบูรณาการศักยภาพของแต่ละหัวเมืองเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ เมื่อกลางปี 2023 การรถไฟจีนก็ยังเปิดตัวรถไฟเจนใหม่ “CR450” ที่วิ่งด้วยความเร็ว 450 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะถูกนำมาให้บริการแก่สาธารณชนในเส้นทางหลักระหว่างภูมิภาคของจีนอนาคตอันใกล้ อาทิ ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง-ซีอาน เซี่ยงไฮ้-กวางโจว เซี่ยงไฮ้-เฉิงตู ซีอาน-เฉิงตู และเฉิงตู-คุนหมิง
ขณะเดียวกัน จีนก็ยังเตรียมใส่เกียร์เดินหน้าขยายโครงข่ายระบบการสื่อสาร 5G-Advanced (5G-A) ที่เร็วกว่า 5G ราว 10 เท่าตัวจากที่ใช้กันอยู่ในหัวเมืองใหญ่ของจีนในปัจจุบัน อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น ไปยังหัวเมืองในพื้นที่ตอนกลางและตะวันตกของจีนเช่นกันในอนาคต ซึ่งจะเปิดโอกาสทางธุรกิจและการใช้งานสินค้าดิจิทัลแก่ผู้บริโภคจีน อาทิ อินเตอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง และรถยนต์ไร้คนขับ
พัฒนาการของรถไฟฯ และระบบการสื่อสารที่รวดเร็วและต่อเนื่องดังกล่าวช่วยกระจายความเจริญ ลดความเหลื่อมล้ำ และบูรณาการหัวเมืองของจีน “ข้ามภูมิภาค” ได้ในอนาคต
ในเชิงโครงสร้างและกระบวนการตัดสินใจ รัฐบาลจีนนับว่ามีความโดดเด่นอย่างมากในการออกแบบเชิงโครงสร้าง เพราะนอกจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ที่ประชุมของโพลิตบูโรถาวร “7 อรหันต์” ก็สามารถมีมติอีกชั้นหนึ่งเพื่อช่วยกำหนดนโยบายที่เหมาะสม
ขณะเดียวกัน การตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาและการจัดสรรทรัพยากรที่รวดเร็วเข้ากับสถานการณ์ก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของจีน อาทิ การกำหนดแผนพัฒนา 5 ปีเพื่อให้ยุทธศาสตร์การพัฒนามีความชัดเจนและต่อเนื่องกัน ซึ่งก็จะตามมาด้วยการจัดเตรียมทรัพยากรเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการดำเนินงานตามแผนที่กำหนดไว้
ในการประชุมติดตามความคืบหน้าของการดำเนินนโยบาย รัฐบาลจีนจะให้ความสำคัญหรืออาจเรียกว่า “หลงใหล” กับการบรรลุ “เป้าหมาย” ที่กำหนดไว้เลยทีเดียว
แน่นอนว่า ในการดำเนินโครงการใหญ่ใดๆ ทีมผู้ปฏิบัติงานอาจต้องเผชิญกับความท้าทายระหว่างทาง เป็นระยะ และหนึ่งในนั้นก็ได้แก่ สถานะความคืบหน้าของการดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้
ด้วยวัฒนธรรมการทำงานเสมือนเป็นทีมเดียวกัน ผู้บริหารของส่วนกลางของจีนก็มักตั้งคำถามกับหน่วยงานระดับท้องถิ่นว่า “เหตุผล” ที่ทำให้เกิดสภาวะการณ์ดังกล่าว และตามด้วย “ต้องการการสนับสนุนด้านทรัพยากรอะไร อย่างไรเพื่อให้ผู้รับผิดชอบโครงการสามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้”
การกลับมาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์รอบ 2 ที่คาดว่าจะนำไปสู่สงครามการค้าและเทคโนโลยีระลอกใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ก็ทำให้รัฐบาลจีนตัดสินใจ “เดินเกมเร็ว” ด้วยการประกาศขายพันธบ้ตรพิเศษ 3 ล้านล้านหยวนในปี 2025 ซึ่งนับว่ามีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์
คล้ายกับยุคหู จิ่นเทาในแคมเปญ “การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่” การอัดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลในครั้งใหม่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ขยายการลงทุนของภาครัฐ และพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการชะลอตัวของการส่งออกและผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
หรืออาจกล่าวได้ว่า การมาของสงครามการค้าและเทคโนโลยีในยุคทรัมป์ 2 เมื่อผสมโรงกับปัญหาเดิมในยุคหลังโควิดเปรียบได้กับ “วิกฤติเศรษฐกิจ” ขนาดย่อมครั้งใหม่ของจีนเลยทีเดียว ก็ต้องติดตามดูกันว่า จีนจะใช้ “ความเร็ว” ในการแก้ไขภัยคุกคามในครั้งนี้ได้ดีมากน้อยเพียงใด
อีกสิ่งหนึ่งก็คือ รัฐบาลจีนพร้อมจะผลักดันให้ใช้ทุกจังหวะโอกาสของแผนพัฒนาฯ ในการเร่งรัดการดำเนินงานอย่างสร้างสรรค์และจริงจัง ยกตัวอย่างเช่น ปี 2025 จะเป็นปีสิ้นสุดแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 14 เราจึงน่าจะเห็นการเร่งรัดการดำเนินงานในภาคส่วนสำคัญ
ไล่ตั้งแต่การขยายโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง การนำเอารถไฟฯ เจนใหม่และรถไฟแม่เหล็กไฟฟ้ามาขยายผล รวมไปถึงการขยายสถานีอากาศเทียนกง (Tiangong) ฝูงเรือและเรือดำน้ำสำรวจใต้ท้องทะเลลึก และซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เทียนเหอ-3 (Tianhe-3) ตลอดจนพลังงานนิวเคลียร์
ยกตัวอย่างเช่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูง 50,000 กิโลเมตร ภายในปี 2025 จีนก็จัดเตรียมทรัพยากรอย่างรอบด้านในการก่อสร้างเส้นทางใหม่อีก 3,800 กิโลเมตร ซึ่งผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่า จีนจะไม่พลาดเป้าหมายดังกล่าว
เท่านั้นไม่พอ การขยับตัวเร็วดังกล่าวยังสะท้อนถึงการ “ก้าวข้าม” แผนฯ 14 ไปแล้ว โดยจีนเริ่ม “ปูพื้น” ในหลายส่วนเพื่อเตรียมการเข้าสู่แผนฯ 15 (ปี 2026-2030) และนโยบายสำคัญใหม่ อาทิ การบูรณาการชุมชนเมือง-ชนบท และกำลังการผลิตคุณภาพสูงใหม่ (New-Quality Productive Forces)
ตอนหน้าเราไปคุยกรณีศึกษา “ความเร็ว” ของภาคเอกชนในจีนกันบ้างครับ ...
ภาพจาก AFP
ที่มาข้อมูล : -