
สรุปข่าว
หลังจากเขียนถึงกลุ่ม Gen Y และ Gen Z มาก่อนหน้านี้ วันนี้ผมขอแบ่งปันข้อมูลของ Gen X ที่ผมคิดว่าท่านผู้อ่านหลายคนเป็นสมาชิกของกลุ่มนี้อยู่ Gen X ผ่านร้อนผ่านหนาวจากยุค “ไม่พอมี ไม่พอกิน” และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของจีนในอดีต จึงมีช่องว่างของความแตกต่างทางวัยจากคนรุ่นอื่นอยู่มาก จนหลายคนมองว่า Gen X มีประสบการณ์ที่ “แปลกและแตกต่าง” จากคนกลุ่มอื่น ...
Gen X เป็นกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 1965-1979 (มีอายุ 42-56 ปี) นับเป็นคนกลุ่มใหญ่สุดหลังยุคเบบี้บูม (Baby Boom) ของจีน โดยส่วนใหญ่เกิดและเติบโตในยุคปลายสมัยของท่านประธานเหมา เจ๋อตง และช่วงศักราชใหม่ของการเปิดประเทศสู่ภายนอกของจีน จึงอาจกล่าวได้ว่า คนส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้ต้องเผชิญยุคหลังสงครามกลางเมือง และการปฏิวัติทางวัฒนธรรม (Cultural Revolution)
อย่างไรก็ดี ในเชิงเปรียบเทียบ คนกลุ่มนี้ก็ยังผ่านความลำบากน้อยกว่ารุ่นพ่อแม่ที่ส่วนใหญ่เกิดในยุคเบบี้บูมที่มากด้วยความยากลำบากและความอดอยากแร้นแค้น แม้กระทั่งระบบการศึกษาก็ถูกปรับลดบทบาทลงจนแทบไม่ปรากฏร่องรอยและความสำคัญ
ขณะเดียวกัน วิถีชีวิตของคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนของกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่เกิดขึ้นมาภายหลัง เราจึงเห็นลูกหลานของหลายครอบครัวนิยมล้อมวงในช่วงเทศกาลสำคัญที่สมาชิกครอบครัวกลับมาพร้อมหน้า และนั่งฟังประสบการณ์ของเบบี้บูมและ Gen X ที่คนรุ่นใหม่อาจไม่อยากเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง
ภายหลังการเปิดประเทศ จีนมุ่งหวังที่จะแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้างของประเทศด้วยการเดินหน้านโยบายยกเลิกระบบเกษตรนารวม การกระจายอำนาจของรัฐบาลกลาง การถือครองทรัพย์สินตามกฎหมาย และเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zones) รวมทั้งการพัฒนาระบบการเงินการธนาคารที่เป็นพื้นฐานของการปฏิรูปเศรษฐกิจแบบทุนนิยมในเวลาต่อมา

Gen X ยังได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ที่ชัดเจนขึ้นโดยลำดับ เพราะในกลางทศวรรษ 1980 การดำเนินนโยบายดังกล่าวก็เริ่มผลิดอกออกผล อาทิ ช่วงชีวิตที่ยืนยาวขึ้น อัตราการอ่านออกเขียนได้เพิ่มขึ้น และผลผลิตการเกษตรโดยรวมที่ขยับสูงขึ้น ส่งผลให้คนกลุ่มนี้เริ่มสัมผัสกับ “ความอิ่มอุ่น” และมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน ผลจากการดึงดูดการลงทุนของต่างชาติเข้าสู่ FTZs โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองในด้านซีกตะวันออกของจีน ก็ทำให้ภาคการผลิตของจีนได้รับการยกระดับ โดยได้รับประโยชน์จากการทวีกำลังทั้งจากปัจจัยภายใน โดยเฉพาะแรงงานจำนวนมากราคาถูก และมาตรการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และปัจจัยภายนอก อาทิ เงินทุน เทคโนโลยี ระบบการบริหารจัดการสมัยใหม่ และเครือข่ายทางธุรกิจ
ความต้องการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นยังดึงดูดผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกิดในยุคเบบี้บูม เข้าสู่เมืองในด้านซีกตะวันออกของจีนที่เปิดรองรับการลงทุนก่อน แรงงานเหล่านี้โยกย้ายถิ่นฐานมาจากเมืองใกล้เคียง ตอนกลาง และซีกตะวันตกของจีน รวมทั้งพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล
จากสถิติพบว่า เมื่อครั้งเปิดประเทศสู่ภายนอกในปี 1978 จีนมีคนเมืองเพียงราว 170 ล้านคน คิดเป็นไม่ถึง 18% ของจำนวนประชากรโดยรวม ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนสำคัญเนื่องจากการละทิ้งถิ่นฐานของเกษตรกรในชนบทเข้าสู่ตัวเมืองที่มีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่า และนโยบายการพัฒนาชุมชนเมืองของรัฐบาลจีนในเชิงรุกนับแต่ปี 2000 เป็นต้นมา
ในด้านหนึ่ง ปรากฏการณ์นี้ทำให้คน Gen X เติบโตโดยได้รับความอบอุ่นและการดูแลจากพ่อแม่ที่น้อยลง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งก็ทำให้การพัฒนาชุมชนเมืองและคนชั้นกลางเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ส่งผลให้ภาคการบริโภคขยายตัวในวงกว้าง Gen X จึงถือเป็นคนกลุ่มแรกๆ นับแต่เปิดประเทศที่ได้ลิ้มรสสังคมแห่งการบริโภค
ขณะเดียวกัน สินค้าที่ถูกผลิตขึ้นในจีนก็มีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในเวทีระหว่างประเทศที่สูงยิ่ง ทำให้ภาคการส่งออกของจีนพลิกฟื้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
นอกจากนี้ ในช่วงวัยรุ่นของคนกลุ่ม Gen X นี้ยังได้สัมผัสการมีสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพในเบื้องต้น รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายข้อห้ามในการนับถือศาสนาและความเชื่อ อาทิ ศาสนาพุทธ ลัทธิเต๋า และขงจื๊อ แม้จะไม่มากนักเมื่อเทียบกับของประเทศเสรีนิยม แต่อย่างน้อยก็มากกว่าคนรุ่นก่อนของจีน
ประสบการณ์ที่ดีของ Gen X ดังกล่าวกลับสะดุดลงเมื่อมีการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน (Tiananmen Square) และในหลายหัวเมืองของจีนในปี 1989 ซึ่งทำเอาแผนพัฒนาของรัฐบาลหยุดชะงัก ขณะที่ธุรกิจต่างชาติต่างถอนหรือชะลอการลงทุนในจีน ส่งผลให้เศรษฐกิจดิ่งลงแรงเป็นครั้งแรกนับแต่เปิดประเทศ

อย่างไรก็ดี เมื่อสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติเพียงไม่นานหลังจากนั้น จีนก็กลับสู่ “เส้นทาง” ของการปฏิรูปเศรษฐกิจอีกครั้ง รัฐบาลจีนเดินหน้าพัฒนาตลาดทุน โดยเปิดตลาดหลักทรัพย์ที่เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น และขยับการพัฒนาประเทศจากที่มุ่งเน้นพื้นที่ทางตอนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกวางตุ้ง และมณฑลใกล้เคียง สู่พื้นที่ตอนเหนือมากขึ้น การประกาศเขตเมืองใหม่ผู่ตงนับเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด และกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเมืองใหม่ในเวลาต่อมา
ผลจากการเปิดประเทศสู่ภายนอก ทำให้ Gen X ของจีนได้ซึมซับวัฒนธรรมตะวันตกในหลายส่วนโดยลำดับ อาทิ วัฒนธรรมบันเทิง ภาพยนตร์และละครตะวันตก ชีวิตยามราตรี และแบรนด์ตะวันตก และได้ใช้สินค้าและบริการใหม่ๆ ที่คนรุ่นก่อนไม่มีโอกาสได้สัมผัส
ป้ายโฆษณากลางแจ้งน้อยใหญ่ของสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม แฟชั่น และอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านของต่างประเทศผุดขึ้นทั่วเมืองใหญ่ โทรศัพท์มือถือเป็นสินค้าตัวอย่างหนึ่งที่คนรุ่นนี้ได้ใช้เป็นกลุ่มแรกๆ และกลายเป็นกลุ่มคนสำคัญที่ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมากที่สุดในโลกในเวลาต่อมา
Gen X พยายามผสมผสานระหว่างการพลิกฟื้นของมรดกทางวัฒนธรรมจีนกับการเอาประโยชน์จากโอกาสทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทั้งในจีนและต่างประเทศ การหลั่งไหลของข้อมูลข่าวสาร โอกาสทางการศึกษา และความรู้จากหน้าต่างโลกที่เปิดกว้างมากขึ้น นับเป็นสิ่งที่เย้ายวนจิตใจและทำให้คนกลุ่มนี้ใส่ใจกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตจากหลากหลายแหล่งและช่องทาง
Gen X เห็นคุณค่าของการศึกษา โดยมีทัศนคติว่าการเรียนสูงและการศึกษาต่อต่างประเทศ รวมทั้งการมุ่งมั่นทำงานหนักสามารถนำไปสู่โอกาสทางเศรษฐกิจและการเข้าถึงตลาดผู้บริโภคที่เติบใหญ่ได้มากและเร็วกว่าผู้อื่น
คนกลุ่มนี้อยู่ในยุคสมัยของการเปลี่ยนถ่ายจากระบบอนาล็อกสู่ดิจิตัล จึงมีประสบการณ์ในการใช้อินเตอร์เน็ตในยุคแรกจนถึง 5G ในปัจจุบัน และผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ก็น่าจะมีโอกาสใช้ 6G ในปี 2030
ย้อนกลับไปราว 20 ปีที่แล้ว หากใครมีโอกาสเดินทางไปเยือนมหาวิทยาลัยของจีน ก็อาจสังเกตเห็นนักศึกษาต่อคิวยาวเพื่อทดลองใช้อินเตอร์เน็ต ร้านกาแฟเลือกใช้อินเตอร์เน็ตเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดดึงดูดใจคนกลุ่มนี้ ส่งผลให้อินเตอร์เน็ตคาเฟ่เริ่มผุดขึ้นและกระจายตัวในเมืองใหญ่
เมื่อเข้าสู่ชีวิตการทำงาน Gen X ก็มีหลักการทำงานที่ยึดความเป็นรูปธรรม และจับต้องได้ รวมทั้งยังอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและการคิดวิเคราะห์ มากกว่าอารมณ์และสัญชาติญาณ
การเปิดให้ประชาชนสามารถครอบครองทรัพย์สินส่วนบุคคลได้ทำให้เมื่อ Gen X เติบโต ก็พยายามแสวงหาโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งแก่ตนเองและครอบครัว และด้วยความลำบากในวัยเยาว์และชีวิตที่พลิกผันเป็นระยะ ก็ทำให้คนกลุ่มนี้รอบคอบกับการใช้ชีวิต และการลงทุน รวมทั้งการอดออมเพื่อชีวิตหลังเกษียณในระยะยาว
นอกจากนี้ Gen X ส่วนใหญ่ยังเติบโตโดยได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ค่อนข้างน้อย และเมื่อแต่งงานก็เป็นพ่อแม่ “ลูกเดี่ยว” ตามนโยบายลูกคนเดียวที่จีนดำเนินการอย่างต่อเนื่องราว 3 ทศวรรษหลังการเปิดประเทศไม่นาน เราจึงเห็นคนกลุ่มนี้ใส่ใจ เติมความรัก เตรียมเงิน และสานฝันให้แก่ลูกคนเดียวของครอบครัวอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน Gen X มีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลและการเรียนรู้ในเชิงกว้าง สนใจในเทคโนโลยี มีความยืดหยุ่น และรับผิดชอบสูง จึงมีระดับของการพึ่งพาตนเองสูง และนิยมใช้ชีวิตที่เป็นอิสระ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ คนกลุ่มนี้มีความเป็นปัจเจกชนสูง และไม่ชอบความเป็นทางการ

Gen X ยังเป็นต้นแบบของกลุ่มคนที่มีทัศนคติของ “Work Hard, Play Hard” ใส่ใจกับความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและส่วนตัว เห็นคุณค่าของความหลากหลาย และมีอารมณ์ขัน คนกลุ่มนี้จึงมีจุดเด่นที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรในหลายด้าน อาทิ ทักษะในการแก้ไขปัญหา ความสามารถในการบริหารเวลา และการนำเสนอแนวความคิดใหม่แก่องค์กร
เมื่อผ่านชีวิตการทำงานระยะหนึ่ง คนกลุ่ม Gen X ก็ขยับสู่การเป็นแกนหลักขององค์กรในการช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและการเติบโตแก่องค์กรในระยะยาว เพราะคนยุคเบบี้บูมส่วนใหญ่ก็กำลังเข้าสู่วัยเกษียณ ขณะที่ Gen Y ก็อาจมีระดับของความผูกพันในองค์กรต่ำ
อย่างไรก็ดี ด้วยความสามารถดูแลแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้อย่างทันท่วงที และชอบทำงานโดยมีความยืดหยุ่นด้านเวลา Gen X จึงมักมองหาอิสระในการทำงาน และการกระจายอำนาจในการตัดสินใจจากผู้บังคับบัญชาค่อนข้างสูง หรือประกอบอาชีพที่มีอิสระในเรื่องเวลา อาทิ การเป็นฟรีแลนซ์
คนกลุ่มนี้ยังมีจิตวิญญาณของความเป็นผู้ประกอบการที่แรงกล้า และซ่อนไว้ซึ่งความเป็นผู้นำ มหาเศรษฐีของจีนที่มีชื่อเสียงในยุคหลังจำนวนมากก็มาจากคนกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ร่ำรวยจากธุรกิจการผลิต อสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยีที่เติบโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จ้าว เหว่ย (Zhao Wei) ดารานักร้องดังของจีนที่มาเอาดีในการเป็น KOL ในช่วงหลายปีหลัง ก็นับเป็นหนึ่งในสมาชิกของคนกลุ่มนี้ ผมเกริ่นเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่า Gen X จะลุ่มหลงใน KOL แต่ Gen X ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของบริษัทที่ว่าจ้าง KOL มากกว่า
ในแง่ของกำลังซื้อ Gen X เป็นกลุ่มใหญ่ และเข้าสู่วัยทำงานในช่วงที่เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง Gen X จึงมีความมั่นคงด้านรายได้ และมีความต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพอย่างหลากหลาย ทั้งแก่ตนเองและครอบครัว
กอปรกับความรู้ความเข้าใจในเชิงกว้าง Gen X จึงมีอำนาจในการตัดสินใจซื้อเป็นของตนเอง คนกลุ่มนี้จึงเข้าข่ายเป็นพวก “กระเป๋าหนัก” ทำให้เป็นตลาดเป้าหมายที่ใหญ่และมีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสินค้าแบรนด์ดัง และบริการท่องเที่ยวในต่างประเทศ
นอกจากนี้ กำลังซื้อดังกล่าวยังมิได้ “ทรงพลัง” อยู่เฉพาะในปัจจุบัน แต่เพราะคนกลุ่มนี้มีรายได้สูงและมีเงินเก็บหลังเกษียณ แถมยังไม่ต้องอดออมเอาไว้ให้ลูกหลานอย่างที่เคยคิดไว้อีกต่อไป จึงมีกำลังซื้อเชิงคุณภาพในระยะยาวอีกด้วย
Gen X ของจีนเป็นกลุ่มคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่หลากหลาย โอกาสที่เปิดกว้างขึ้นทำให้คนกลุ่มนี้มีความรู้และเข้าถึงแหล่งทรัพยากรได้ในวงกว้าง เก่งคิดวิเคราะห์ และมีสามารถสูงในการทำงาน
ประการสำคัญ Gen X ของจีนจึงเต็มไปด้วยกำลังซื้อในเชิงคุณภาพที่ไม่อาจมองข้ามได้ ท่านพร้อมหรือยังที่จะไปขนเงินหยวนจากกระเป๋าของ Gen X ...
ภาพจาก : AFP
- “พิชัย”เปิดข้อเสนอไทยยื่น USTR ร่วมมือเอไอ-เพิ่มนำเข้า-คุมแอบอ้าง
- ไทยลุ้นโอกาสทองส่งออกไก่ หลังบราซิลไข้หวัดนกระบาด
- เปิดรายละเอียด ครม. เห็นชอบแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม-ท่องเที่ยว
- เลื่อน 'เงินหมื่นเฟส 3' เพราะอะไร? แล้วจะได้เมื่อไหร่?
- ครม.ไฟเขียวเปิดทาง ออก "Thailand Digital Token" งวดแรก 5 พันล้านบาท
- ภาษีเข้ารัฐ 7 เดือนแรกปีงบ 68 ทะลุ 1.13 ล้านล้าน สูงกว่าเป้า 1.6%
- รัฐบาลมั่นใจบริหารการเงิน-การคลังให้มั่นคง สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจได้
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand