
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ศูนย์บริหารแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (IAC) เปิดเผยความคืบหน้าการปราบปรามว่า ขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาตรการสกัดกั้นการโอนเงินออกนอกประเทศ ทำให้เครือข่ายมิจฉาชีพไม่สามารถโอนเงินข้ามประเทศได้สะดวกเหมือนเดิม ส่งผลให้แก๊งเริ่มปรับวิธี โดยหันมากดถอนเงินสดภายในประเทศแทน
ก่อนหน้านี้ พบว่าคนร้ายเดินทางเข้ามาไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยวเพื่อถอนเงินสดโดยตรง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้มงวดและจับกุมได้มากขึ้น คนร้ายจึงจ้างคนไทยหรือผู้อาศัยต่างจังหวัดทำหน้าที่กดเงินจากตู้เอทีเอ็มและเคาน์เตอร์ธนาคารทั่วประเทศ ตำรวจจึงสั่งเพิ่มการเฝ้าระวังในห้างสรรพสินค้าและแหล่งพักอาศัย
สรุปข่าว
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ศูนย์บริหารแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (IAC) เปิดเผยความคืบหน้าการปราบปรามว่า ขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาตรการสกัดกั้นการโอนเงินออกนอกประเทศ ทำให้เครือข่ายมิจฉาชีพไม่สามารถโอนเงินข้ามประเทศได้สะดวกเหมือนเดิม ส่งผลให้แก๊งเริ่มปรับวิธี โดยหันมากดถอนเงินสดภายในประเทศแทน
ก่อนหน้านี้ พบว่าคนร้ายเดินทางเข้ามาไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยวเพื่อถอนเงินสดโดยตรง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้มงวดและจับกุมได้มากขึ้น คนร้ายจึงจ้างคนไทยหรือผู้อาศัยต่างจังหวัดทำหน้าที่กดเงินจากตู้เอทีเอ็มและเคาน์เตอร์ธนาคารทั่วประเทศ ตำรวจจึงสั่งเพิ่มการเฝ้าระวังในห้างสรรพสินค้าและแหล่งพักอาศัย
พล.ต.อ.ธัชชัยระบุว่า การทำงานของศูนย์ฯ มีความรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากมีตัวแทนสถาบันการเงินประจำอยู่ร่วมกับตำรวจไซเบอร์ ทำให้สามารถอายัดเงินได้ทันที เมื่อสังเกตพฤติกรรมผิดปกติ เช่น ลูกค้าเปิดบัญชีใหม่แล้วทำธุรกรรมถอนเงินต่อเนื่องหลายครั้ง จะถูกแจ้งตำรวจและอายัดเงินทันที
ผลการปฏิบัติงานล่าสุด สามารถคืนเงินผู้เสียหาย 2 ราย ได้แก่
- อดีตข้าราชการถูกหลอกลงทุน เสียหาย 8 ล้านบาท สามารถอายัดคืนได้ 1.2 ล้านบาท
- ผู้เสียหายถูกหลอกทำงานออนไลน์ เสียหาย 500,000 บาท สามารถอายัดคืนเต็มจำนวน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ตั้งศูนย์เมื่อ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา สามารถติดตามและอายัดเงินคืนให้ผู้เสียหายได้ประมาณ 7% ของผู้แจ้งความทั้งหมด โดยประชาชนที่ถูกหลอกสามารถติดต่อสายด่วนคอลเซ็นเตอร์ 1441 ซึ่งเมื่อรับเรื่องแล้วจะโอนคดีเข้าสู่ศูนย์กลางทันที
ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ศูนย์ฯ ได้รับความร่วมมือจากหลายชาติ โดยเริ่มจากอินเดียและญี่ปุ่นเข้าร่วมระบบออนไลน์เป็นชาติแรก ส่วนจีน เวียดนาม และอินโดนีเซียเข้าร่วมต่อไป อีกทั้งสหรัฐอเมริกาและเวียดนามจะส่งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ ร่วมกับ USSS และ FBI เพื่อเสริมความเข้มแข็งด้านการปราบปราม
นอกจากนี้ ได้วางกำหนดจัดฝึกอบรมและปฏิบัติการร่วมกับ 18 ประเทศ ปลายเดือนกันยายนที่จังหวัดจันทบุรี แต่ไม่มีตัวแทนกัมพูชาเข้าร่วม เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล
รายงานระบุว่า ปัจจุบันมีกว่า 50 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา โดยเฉพาะเครือข่ายก๊กอานและครอบครัว อยู่ระหว่างการขยายผลสืบสวนถึงผู้เกี่ยวข้องและบริษัทที่ใช้ฟอกเงิน เชื่อว่ามีทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ต่างประเทศ
เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ว่า ระบบบัญชีม้ามีโครงสร้างเหมือนองค์กรหรือบริษัท ครอบคลุมทั้งไทย เพื่อนบ้าน และต่างประเทศ สามารถจัดหาสมาชิกเปิดบัญชีและถอนเงินได้ต่อเนื่อง แม้มาตรการปราบปรามเข้ม แต่เครือข่ายยังปรับเปลี่ยนวิธีหลีกเลี่ยงกฎหมายได้
การตั้งศูนย์กลาง IAC ทำให้หลายประเทศให้ความสนใจ เพราะช่วยเสริมกลไกกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งการติดตามเงิน การออกหมายจับ และการดำเนินคดีอาชญากรข้ามชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
- จากศพชาวเกาหลีในกัมพูชา ทำไมคนเกาหลีเป็นทั้งเหยื่อ และผู้ปฏิบัติการในสแกมข้ามชาติ ?
- ตำรวจไซเบอร์จี้กัมพูชา “จริงใจ” ช่วยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
- ไทยเปิดปฏิบัติการ “ปิดประตูทุบหม้อข้าว” ล้างบางแก๊งคอลฯ ฐานใหญ่กัมพูชา
- ศูนย์กลางแสกมเมอร์รอบไทย การค้ามนุษย์เบื้องหลังอาชญากรรมออนไลน์ในอาเซียน
- เตือนภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อ สุดท้ายโดนหลอกให้โอนเงินซ้ำสอง
- 119 ปีไม่พอจะหยุดบัญชีม้า? เมื่อโทษแรง แต่โครงสร้างอาชญากรรมยังแข็งแกร่ง
- คนไทยยังถูกแก๊งคอลฯ หลอกวันละ 1 พันคน มูลสูญเสียสูงถึง 70 ล้าน
ที่มาข้อมูล : ตำรวจไซเบอร์
ที่มารูปภาพ : ตำรวจไซเบอร์
