
สรุปข่าว
วันนี้ (5 ก.พ.63) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว นายภัทรพงษ์ อายุ 31 ปี อดีตพนักงานเวรเปล รพ.ราชวิถี ประจำสถาบันโรคผิวหนัง จำเลยในคดีฆ่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โรงพยาบาลราชวิถี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมายังศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีหมายเลขดำ อ.2768/60 ที่ พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายภัทรพงษ์ เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ จากกรณีเมื่อวันที่ 10มิ.ย.60 ช่วงเวลากลางวัน จำเลยได้ใช้มีดฟัน นายสัญชาย อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ รพ.ราชวิถี เข้าที่ลำคอด้านซ้าย เส้นเลือดแดงฉีกขาดจนถึงแก่ความตาย เหตุเพราะผู้ตายไม่ให้จำเลยจอดรถในที่ห้ามจอด เหตุเกิดที่ รพ.ราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , 371 ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานฆ่าผู้อื่นฯ ให้จำคุกตลอดชีวิต , ฐานพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะฯ ปรับ 1,000 บาท ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้ว่า ไม่ได้มีเจตนาฆ่า โดยมีดสะบัดไปโดนผู้ตาย เป็นการป้องกันตัวจากผู้ตายนำท่อนเหล็กมาตี และหากศาลพิจารณาว่ามีความผิดขอให้ลดโทษหรือลงโทษสถานเบา ศาลอุทธรณ์นัดพิพากษาในวันนี้เวลา 09.30 น. ที่ ห้องพิจารณาคดี 811
สำหรับคดีนี้ หลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายอัครเดช บิดาของ นายภัทรพงษ์ จำเลย เกิดความเครียดที่บุตรชายถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ในคดีทำร้ายผู้อื่นจนเสียชีวิต ก่อนกระโดดลงจากชั้น 8 อาคารศาลอาญาหวังฆ่าตัวตาย โดยร่างของนายอัครเดช ได้ตกลงมากระแทกกับต้นไม้ที่ปลูกไว้ก่อนจะถึงพื้น จนได้รับบาดเจ็บสาหัสแขนขาหักก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์รักษา เหตุเกิดเมื่อ 27 มี.ค.62
เมื่อถึงเวลาศาลอุทธรณ์ได้ตรวจสำนวนปรุชมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามาน้ำหนักให้รับฟังได้มั่นคงว่า เหตุที่เกิดจากความไม่พอใจที่ผู้ตายบอกจำเลยไม่ให้จอดรถในที่ห้ามจอด ส่วนที่จำเลยอ้างว่า ช่วงเกิดเหตุมีดสะบัดไปโดนผู้ตายอันเป็นการป้องกันตัวที่ผู้ตายใช้ท่อนเหล็กตีกลับจำเลยจากป้องยามนั้นขัดกับคราบโลหิตที่พบในที่เกิดเหตุ และภายในป้อมยาม ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่า ได้เข้ามอบตัว และให้การรับสารภาพเรื่องอาวุธ รวมทั้งนำเสื้อผ้าที่ใส่วันเกิดเหตุมอบให้พนักงานสอบสวนนั้น ศาลอุทธรณ์ เห็นว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยเพียงแต่นำกางเกงยีนส์ที่ใส่มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ส่วนอาวุธมีดทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องทำการตรวจดีเอ็นเอแล้วจึงได้ติดตามรวบรวมหลักฐานมา ขณะที่จำเลยก็ขอให้การในชั้นศาล โดยในชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธซึ่งไม่ได้มีข้อมูลที่เป็นการให้ความรู้ต่อศาล กรณีของจำเลยจึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้จำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นฯ และปรับ 1,000 บาท ฐานพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ผู้พิพากษาถามถึงอาการของบิดาจำเลย ที่เคยกระโดดจากอาคารศาลอาญา ชั้น 8 กระแทกต้นไม้ ก่อนตกลงพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัสแขน-ขาหักในวันฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อปี 2562 หลังจากเกิดความเครียดที่บุตรชายต้องถูกจำคุกตลอดชีวิต โดย นายภัทรพงศ์ จำเลย กล่าวต่อศาลว่า บิดาอาการดีขึ้น สามารถเดินได้ปกติแล้ว ขณะที่ผู้พิพากษาได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้จำเลยทราบด้วยว่ายังสามารถยื่นฎีกาได้ตามขั้นตอนอีก
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
- ย้อนคดี “เตี้ย มช.” ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกทันที-ชดใช้เงินก้อนใหญ่
- เอ๋ มิรา โพสต์ร่ายยาวบทเรียนรักก่อนวัยอันควร แต่วันนี้เขาได้รับกรรมแล้ว
- "ส่งต่อการให้ เพื่อหลายชีวิต" Ambulance Run 2023 ครบรอบ 72 ปี โรงพยาบาลราชวิถี
- ด่วน! ไฟไหม้ "ศาลอุทธรณ์" ชั้น 4 เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว
- ด่วน! ไฟไหม้ตึกสิรินธร ชั้น 10 โรงพยาบาลราชวิถี
- รพ.ราชวิถี พบบุคลากรทางการแพทย์ ติดเชื้อโควิด-19 อีก 10 ราย
- ศาลพิพากษาจำคุก! "ปุ๊กกี้ ปริศนา" พร้อมสามี คดียาเสพติด-ฟอกเงิน คนละ 38 ปี 9 เดือน
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand