
สรุปข่าว
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการร้องเรียนว่าผู้ต้องหารายนี้ได้มีการพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชนโดยการโพสต์ข้อความเปิดรับบริจาคเงินและหลอกขายสินค้า
เช่นหน้ากากอนามัยผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์
อ้างว่าจะนำเงินไปรักษาลูกซึ่งป่วยเป็นโรคประหลาดมีไม่กี่คนที่เป็น
จนมีคนหลงเชื่อจ่ายเงินสั่งสินค้าและบริจาคเงินช่วยเหลือกว่า 3,000 ราย
มีการโอนเงินกว่า 8,000 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริง
จนกระทั่งพบความผิดปกติในคดีหลายอย่าง โดยเฉพาะอาการป่วยประหลาดของน้องอิ่มบุญ
เด็กชาย อายุ 3 ขวบ ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นลูกแท้ๆของตัวเอง
หลังมีอาการอาเจียนเป็นเลือด ตัวบวมเดินไม่ได้
จนต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียูที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต
ก่อนที่ต่อมาทางแพทย์จะมีการตรวจพบสารเคมีประเภทออกฤทธิ์เป็นกรด
คล้ายกับสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำ หรือ น้ำยาซักฟอก
ในร่างกายจำนวนมาก
ประกอบจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหารายนี้ยังพบอีกว่า
ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาเคยได้รับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อน้องอมยิ้ม อายุ 3 ขวบ
มาอุปถัมภ์เลี้ยงดู ก่อนที่ต่อมาจะเสียชีวิตลงด้วยอาการป่วยประหลาดลักษณะเดียวกัน
จึงทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาการป่วยของเด็กทั้งสองคนจะเกิดจาการกระทำของผู้ต้องหารายนี้เพื่อสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสารในการหลอกเงินจากคนอื่น
จึงได้พยายามรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆจนนำไปสู่การออกหมายจับและสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพข้อหาฉ้อโกงประชาชนจริง
เพราะไม่ได้มีการส่งสินค้าให้กับผู้เสียหาย
แต่ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนทำให้เด็กทั้ง 2 คนป่วยหนักและเสียชีวิต
แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ
จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งศาลอาญาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.จิรภพ
ภูริเดช ผบก.ป. กล่าวว่า ภายหลังทราบเรื่องดังกล่าวเบื้องต้นได้สั่งการให้
พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. ตั้งคณะทีมสืบสวนสอบสวนขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวอย่างละเอียด
แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลทางคดีได้
เนื่องจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ในตอนนี้ยังมีไม่มากพอ
ส่วนการที่ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธนั้นก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา
แต่ตนเชื่อว่าทางชุดสืบสวนกองปราบจะสามารถสืบหาข้อเท็จจริงมาเอาผิดกับผู้ต้องหารายนี้ได้อย่างแน่นอน
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand