
สรุปข่าว
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกได้เผยว่าอุณหภูมิที่สูงที่สุดนั้นเกี่ยวข้องกับคลื่นความร้อนในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอเมริกาเหนือ เอเชียและยุโรป รวมถึงปัญหาไฟป่าในประเทศต่างๆเช่นแคนาดาและกรีซ ซึ่งได้ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อสุขภาพของประชาชน สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ จากรายงานล่าสุดขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกพบว่าในวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น อุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิวโลกรายวันสูงทุบสถิติ วัดได้ 17.08 องศาเซลเซียส ทำให้กลายเป็นวันที่ร้อนที่สุดในประวัติการณ์ โดยในวันที่ 5และ 7กรกฎาคม เป็นวันที่ร้อนที่สุดรองลงมา และถ้าหากดูเป็นอุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือนของโลกก็จะพบว่าเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็ทำลายสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดเช่นกัน โดยอยู่ที่ 16.95 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติเดือนที่ร้อนที่สุดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2019 ซึ่งในเดือนนั้นวัดได้ที่ 16.63 องศาเซลเซียส ทำให้เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้นเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลรายวันยังพบว่า ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดยจะเห็นว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆมาตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม โดยสูงที่สุดเกิดขึ้นในวันที่ 19 กรกฎาคม พบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำทะเลทั่วโลกสูงถึง 20.94 องศาเซลเซียส จะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศกำลังก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และเมื่อบวกกับการกลับมาของปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้ อาจทำให้หลังจากนี้อุณหภูมิโลกของเราอาจสูงขึ้นอีกจนทำลายสถิติเดิมก็เป็นได้
- โลกร้อนไม่ใช่ภัยเงียบ ธารน้ำแข็งทั่วโลกกำลังหายไป เข้าใกล้จุดวิกฤตอย่างไม่มีวันย้อนกลับ
- อิฐรีไซเคิลลดคาร์บอน นวัตกรรมสีเขียวสู้โลกร้อน ถึงแพงกว่าแต่คุ้มที่จะจ่าย
- โลกร้อนหยุดไม่อยู่! ทุกองศามีความหมาย
- เมื่อมหาสมุทรกำลังมืดลง สัญญาณเตือนวิกฤตใหม่ของโลก
- โลกร้อนเร็วเกินคาด! อุณหภูมิพุ่ง-น้ำทะเลสูง-ภัยพิบัติถี่ และกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
- สถาปนิกเมืองไมอามีสุดเจ๋ง คิดกระเบื้องปะการังสามมิติ ปกป้องชายฝั่ง ลดคลื่นกัดเซาะ
- ปลาหมึกทะลักทะเลอังกฤษ โชคดีของชาวประมง หรือภัยเงียบจากโลกร้อน?
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand