
สรุปข่าว
UN ระบุว่าการละลายของธารน้ำแข็งและมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นถือเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้น้ำในมหาสมุทรขยายตัว จนระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นปีละ 4.62 มิลลิเมตร ระหว่างปี 2013 - 2022 ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เซนติเมตร นับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ขณะที่ก๊าซเรือนกระจกปริมาณมหาศาลจะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นต่อไปอีกนับเป็นพัน ๆ ปี ซึ่งจะคุกคามเมืองที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งและประเทศเกาะต่าง ๆ ยกตัวอย่างที่ พื้นที่ชายทะเลในเมืองโลเวสทอฟต์ เป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันออกมากที่สุดของสหราชอาณาจักร โดยอยู่ห่างจากลอนดอนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 218 กิโลเมตร เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง บ้านพักตากอากาศบางส่วนพังทลายจากหน้าผาที่ถล่ม การพังทลายนั้นเกิดจากกระแสน้ำและคลื่นลมแรง มีการคาดการณ์ว่าอีกไม่นานประชาชนที่นี่ต้องอพยพย้ายถิ่นฐานนั่นเอง ส่วนที่โกตดิวัวร์ประเทศในทวีปแอฟริกา เมือง Grand Bassam ที่อยู่ทางตอนใต้สุดก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เจ้าของโรงแรมที่อยู่ติดชายทะเล ต้องนำถุงทรายมาวางเพื่อกันระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเขาต้องจ้างรถบรรทุกทรายและจ้างแรงงานกรอกทรายใส่ถุงและนำมาวางป้องกันโรงแรมของเขาตลอดเวลา เพราะคลื่นลมแรงและน้ำทะเลที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ได้พังทลายพื้นที่บางส่วนไปแล้ว บรรดานักวิทยาศาสตร์เตือนว่าโลกจะต้องเผชิญสภาพอากาศสุดขั้ว และระดับน้ำทะเลที่สูงอย่างต่อเนื่องในอนาคต หาไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิโลกหรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากกว่านี้
- โลกร้อนไม่ใช่ภัยเงียบ ธารน้ำแข็งทั่วโลกกำลังหายไป เข้าใกล้จุดวิกฤตอย่างไม่มีวันย้อนกลับ
- โลกเจอคลื่นความร้อน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30 วันต่อปี จะมากกว่านี้หากไม่ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- อิฐรีไซเคิลลดคาร์บอน นวัตกรรมสีเขียวสู้โลกร้อน ถึงแพงกว่าแต่คุ้มที่จะจ่าย
- โลกร้อนหยุดไม่อยู่! ทุกองศามีความหมาย
- เมื่อมหาสมุทรกำลังมืดลง สัญญาณเตือนวิกฤตใหม่ของโลก
- โลกร้อนเร็วเกินคาด! อุณหภูมิพุ่ง-น้ำทะเลสูง-ภัยพิบัติถี่ และกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
- สถาปนิกเมืองไมอามีสุดเจ๋ง คิดกระเบื้องปะการังสามมิติ ปกป้องชายฝั่ง ลดคลื่นกัดเซาะ
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand