วิกฤต PM2.5 ในเมืองหลวง ผลกระทบจากธรรมชาติและมนุษย์

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสเกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ในช่วงฤดูหนาวบริเวณพื้นที่กทม. และปริมณฑล 

สำหรับในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล เช่น สมุทรปราการและสมุทรสาคร มักประสบปัญหาค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวคือปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผัน หรือ "temperature inversion" ซึ่งเกิดจากมวลอากาศเย็นหรือมวลความกดอากาศสูงที่แผ่ลงมาจากประเทศจีน มวลอากาศนี้ทำหน้าที่เสมือนฝาชีที่ครอบชั้นบรรยากาศไว้ ทำให้ฝุ่นละอองและมลพิษจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ ถูกกักเก็บไว้ในพื้นที่แทนที่จะลอยตัวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศด้านบน สภาพนี้ประกอบกับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มักพัดผ่านกรุงเทพมหานครและพื้นที่ชายฝั่งทะเลในช่วงฤดูหนาว หากลมมรสุมมีกำลังแรงพอ ฝุ่นละอองก็จะถูกพัดออกสู่ทะเล ลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในเมือง อย่างไรก็ตาม หากลมมรสุมอ่อนกำลังหรือถูกลมจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ดันขึ้นมาแทน ฝุ่นละอองจะถูกกักเก็บในเขตเมืองและบริเวณชายฝั่งแทนที่จะกระจายออกไป

วิกฤต PM2.5 ในเมืองหลวง ผลกระทบจากธรรมชาติและมนุษย์

สรุปข่าว

“ดร.สนธิ” เผยในช่วงฤดูหนาว ปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผันและลักษณะภูมิศาสตร์ของกรุงเทพฯ รวมถึงการปล่อยมลพิษจากกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้ฝุ่น PM 2.5 ถูกกักอยู่ในพื้นที่อย่างหนาแน่น การลดแหล่งกำเนิดมลพิษและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจึงจำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

ลักษณะภูมิศาสตร์ของกรุงเทพมหานครที่มีสภาพคล้ายแอ่งกระทะ รวมถึงการมีตึกสูงจำนวนมาก โดยเฉพาะอาคารที่มีความสูงเกิน 23 ชั้นซึ่งมีมากกว่า 2,000 แห่งในเมือง การจราจรที่หนาแน่น และการปล่อยมลพิษจากกิจกรรมในเขตเมือง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฝุ่น PM 2.5 สะสมอยู่ในพื้นที่อย่างหนาแน่น ในขณะเดียวกัน จังหวัดสมุทรปราการและสมุทรสาคร ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรม มีโรงงานจำนวนมากและรถบรรทุกดีเซลที่ใช้ในการขนส่งสินค้า ก็เป็นแหล่งปล่อยฝุ่น PM 2.5 ที่สำคัญอีกด้วย

เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ลมจากทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ฝุ่นละอองจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลถูกพัดไปยังภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว หากมีการเผาชีวมวลในพื้นที่เกษตรกรรมและป่าไม้ หรือมีฝุ่นละอองข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะจังหวัดที่มีลักษณะภูมิประเทศคล้ายแอ่งกระทะ เช่น เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และเชียงราย อาจประสบปัญหามลพิษทางอากาศในระดับวิกฤติ

ดังนั้น การจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วง 8 เดือนที่ยังไม่เกิดปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรวางแผนระยะสั้นและระยะยาวในการลดการเผาไหม้และการปล่อยมลพิษต่าง ๆ ให้น้อยที่สุด และในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤติ ควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดควบคู่ไปกับการให้ความรู้และมาตรการป้องกันสุขภาพของประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

ที่มาข้อมูล : Sonthi Kotchawat

ที่มารูปภาพ : ENVATO