
เดือนมกราคม 2025 กลายเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ อุณหภูมิโลกสูงกว่าค่าเฉลี่ยในยุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 1.7°C แม้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าปีนี้โลกอาจเย็นลงเล็กน้อยจากอิทธิพลของปรากฏการณ์ "ลานีญา" แต่กลับพบว่าภาวะโลกร้อนจากกิจกรรมมนุษย์ยังคงมีอิทธิพลเหนือความแปรปรวนตามธรรมชาติของสภาพอากาศ
ลานีญา ซึ่งส่งผลต่ออุณหภูมิผิวน้ำทะเลและรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลก โดยปกติแล้ว ลานีญาจะช่วยลดอุณหภูมิโลกลงเล็กน้อย แต่ในปีนี้ แม้มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกจะเย็นลงบางส่วน แต่อุณหภูมิของมหาสมุทรโดยรวมกลับร้อนกว่าปกติอย่างมีนัยสำคัญ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงแต่ละรอบของเอลนีโญและลานีญามีลักษณะเฉพาะตัว และครั้งนี้ ภาวะโลกร้อนที่เกิดจากมนุษย์ได้ทำให้ลานีญามีผลกระทบน้อยลงกว่าที่เคย

สรุปข่าว
อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้โลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องคือการสะสมของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ แม้ว่าลานีญาปกติจะช่วยลดปริมาณคาร์บอนในอากาศโดยกระตุ้นการเติบโตของพืช แต่ในปี 2024 และต้นปี 2025 ระดับคาร์บอนยังคงเพิ่มขึ้นสูงกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การลดลงของมลภาวะทางอากาศ เช่น อนุภาคละอองลอย (aerosols) จากอุตสาหกรรมและการขนส่ง ทำให้ชั้นบรรยากาศสะท้อนแสงอาทิตย์กลับสู่อวกาศน้อยลง ซึ่งกลับยิ่งเพิ่มอุณหภูมิโลก
อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยยุโรป แคนาดา และไซบีเรียเผชิญกับฤดูหนาวที่อุ่นกว่าปกติถึง 7°C ขณะที่อเมริกาใต้ แอฟริกา ออสเตรเลีย และแอนตาร์กติกาก็มีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยเช่นกัน เมื่อรวมกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นของมหาสมุทร ปรากฏการณ์เหล่านี้ทำให้มกราคม 2025 อุ่นผิดปกติ
แม้ว่ามกราคมที่ร้อนที่สุดนี้จะไม่ใช่สัญญาณอันตรายในทันที แต่มันแสดงให้เห็นว่ากลไกทางธรรมชาติที่เคยช่วยชะลอภาวะโลกร้อนกำลังอ่อนกำลังลง การลดอุณหภูมิจากลานีญาอาจไม่สามารถชดเชยผลกระทบของการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกได้อีกต่อไป ดังนั้น เพื่อลดความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลกจำเป็นต้องเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วนและพิจารณาผลกระทบจากรูปแบบการใช้ชีวิตของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
ที่มาข้อมูล : theconversation.com
ที่มารูปภาพ : NASA