
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า “การอยู่ในท่าที่เหมาะสม” จะสามารถลดความเสี่ยงได้ โดยท่าที่ปลอดภัยคือ ท่านั่งยองๆ ก้มศีรษะ ลดตัวให้ต่ำที่สุด เท้าชิดกันและ เขย่งปลายเท้าเล็กน้อย เพื่อให้ร่างกายสัมผัสพื้นดินให้น้อยที่สุด พร้อมกับใช้มือปิดหูเพื่อป้องกันเสียงดังจากฟ้าผ่า ในทางกลับกัน ท่าที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งคือ การนอนราบกับพื้น เพราะจะทำให้ร่างกายมีจุดสัมผัสกับพื้นมากขึ้น และหากเกิดฟ้าผ่าใกล้เคียง กระแสไฟฟ้าอาจไหลมาตามพื้นเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต

สรุปข่าว
สำหรับสัญญาณเตือนว่าอาจเสี่ยงฟ้าผ่า ได้แก่ รู้สึกขนลุก หรือเส้นผมลอยตั้งขึ้น ซึ่งแสดงว่าร่างกายกำลังถูกเหนี่ยวนำจากกระแสไฟฟ้าบริเวณโดยรอบ หากพบอาการดังกล่าวควรถอยห่างจากบริเวณนั้นทันที
นอกจากนี้ หากสังเกตเห็น สายฟ้าแลบเป็นเส้นแนวตั้ง แสดงว่าเมฆฝนและฟ้าผ่ากำลังพุ่งตรงมา ควรรีบหาที่หลบภัย เช่น อาคาร บ้าน หรือรถยนต์ที่ปิดกระจกและไม่สัมผัสโครงรถโลหะ ส่วนสายฟ้าแลบในแนวนอน อาจแปลว่าเมฆฝนกำลังเคลื่อนที่ไปที่อื่น แต่ก็ไม่ควรวางใจ เพราะทิศทางลมพายุสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ประชาชนจึงควรติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงพายุฝนฟ้าคะนอง และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยของตนเองและคนรอบข้าง