การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบกับการแข่งขันกีฬาหลายชนิด โดยเฉพาะกีฬาฤดูหนาว แม้ว่ากีฬาบางอย่างมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศได้ แต่การแข่งกีฬาซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมายาวนานอาจไม่สามารถจัดขึ้นได้อีก
การแข่งขัน “เอลฟ์สเตเดนโตชท์” (Elfstedentocht) เป็นการแข่งขันเสก็ตน้ำแข็งดั้งเดิมของชาวดัตช์ ระยะทาง 200 กิโลเมตร เส้นทางคดเคี้ยวตามลำคลองที่แข็งตัวเป็นน้ำแข็งตามธรรมชาติ ดังนั้นสภาพอากาศต้องหนาวเย็น มีอุณหภูมิต่ำกว่า 4.2 องศาเซลเซียสติดต่อกันอย่างน้อย 15 วัน ให้น้ำแข็งมีความหนา 15 ซม.ไปตลอดเส้นทางเพื่อรองรับการเข้าร่วมของนักสเก็ตสมัครเล่นไม่ต่ำกว่า 15,000 คน
สรุปข่าว
โดยปกติแล้ว “เอลฟ์สเตเดนโตชท์” จะจัดขึ้นทุก 4-5ปี และจัดมาแล้ว 15 ครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี 1997 แต่หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบัน นานถึง 28 ปี ไม่สามารถจัดการแข่งขันได้อีกเลย เนื่องจากสภาพอากาศไม่หนาวเย็นมากพอที่จะทำให้น้ำในคลองแข็งตัว แม้ว่าปี 2012 มีแนวโน้มที่อาจจัดการแข่งขึ้นได้ แต่ในช่วงสัปดาห์ก่อนการแข่งพบว่าอุณหภูมิน้ำในคลองยังคงอุ่นอยู่ จึงต้องล้มเลิกไปในที่สุด
นักวิจัยของเนเธอร์แลนด์ คาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่เหมาะสำหรับการแข่งขัน “เอลฟ์สเตเดนโตชท์” นั้นจะเกิดขึ้นทุกๆ 14 ปี แต่จากการศึกษากลับพบว่า ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อสภาพภูมิอากาศมากกว่าที่คิด หากปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังอยู่ในอัตราที่สูงเท่าปัจจุบันก็อาจไม่มีการแข่งขันเสก็ตน้ำแข็งดั้งเดิมของชาวดัตช์เกิดขึ้นได้อีก
รายงานประจำปี 2024 ขององค์กรอุตุนิยมวิทยาโลก ระบุว่า ภายในปี 2040 ทั่วโลกจะมีเพียงแค่ 10 ประเทศเท่านั้นที่มีศักยภาพเพียงพอในการจัดการแข่งขันกีฬาฤดูหนาว แม้ว่าปัจจุบันการแข่งขันสกีจะสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยสร้างหิมะเทียมขึ้นเพื่อให้ใช้ในการเล่นกีฬาและแข่งขันได้ แต่หิมะเทียมก็เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก มีรายงานว่าการสร้างหิมะเทียมต้องใช้น้ำถึง 6,800 ล้านลิตร เทียบเท่ากับปริมาณน้ำในสระว่ายน้ำถึง 2,200 สระ และยังต้องพึ่งพาสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากเพียงพอเช่นกัน แม้ว่าน้ำที่ใช้ในการผลิตหิมะเทียมร้อยละ 80 จะสามารถละลายและกลับคืนสู่แหล่งน้ำได้ แต่ก็มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนได้ รวมถึงการใช้น้ำจำนวนมากยังส่งผลกระทบกับระบบนิเวศและวิถีชีวิตของสัตว์น้ำอีกด้วย
