วันที่ 22 เมษายนของทุกปี คือ “วันคุ้มครองโลก” (Earth Day) ซึ่งทั่วโลกต่างร่วมกันรำลึกถึงความสำคัญของการปกป้องสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยวันคุ้มครองโลกเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2513 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จากแนวคิดของนายเกย์ลอร์ด เนลสัน (Gaylord Nelson) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ผู้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการหยิบยกปัญหาสิ่งแวดล้อมเข้าสู่วาระแห่งชาติ
แนวคิดดังกล่าวเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 เมื่อนายเนลสันเสนอให้ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ (John F. Kennedy) สนับสนุนการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2506 ประธานาธิบดีเคนเนดี้ได้เดินสายพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ เป็นเวลา 5 วันใน 11 รัฐ
สรุปข่าว
กระแสความตื่นตัวเริ่มแพร่กระจายไปทั่วในปี พ.ศ. 2512 เมื่อเนลสันจัดให้มีการชุมนุมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในระดับชาติ จนถึงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2513 ชาวอเมริกันกว่า 20 ล้านคนจากทั่วประเทศได้พร้อมใจกันออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ยุติการทำลายธรรมชาติและลดมลภาวะอย่างจริงจัง การเคลื่อนไหวในครั้งนั้นนำไปสู่การออกกฎหมายควบคุมมลพิษทางอากาศ และการจัดตั้ง “สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ” (EPA) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการประกาศวันคุ้มครองโลกอย่างเป็นทางการ
ประเทศไทยเริ่มให้ความสำคัญกับวันคุ้มครองโลกในปี พ.ศ. 2533 หลังจากเหตุการณ์การเสียชีวิตของ “สืบ นาคะเสถียร” นักอนุรักษ์ผู้ยิ่งใหญ่และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง การจากไปของเขาได้จุดประกายให้สังคมไทยหันมาสนใจประเด็นการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างจริงจัง โดยอาจารย์และนักศึกษาจาก 16 สถาบันได้ร่วมกันจัดงานวันคุ้มครองโลกขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อรณรงค์ให้เห็นถึงความสำคัญของป่าไม้ สัตว์ป่า และความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ
ในปี พ.ศ. 2568 ถือเป็นวาระครบรอบ 55 ปีของการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก โดยในปีนี้ Earth Day Network ได้กำหนดธีมประจำปีว่า “OUR POWER, OUR PLANET” หรือ “พลังของเรา โลกของเรา” ซึ่งมุ่งเน้นการผลักดันพลังงานสะอาดและยั่งยืน เป้าหมายหลักคือ การเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 3 เท่าภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) เพื่อช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของมลภาวะและภาวะโลกร้อน
วันคุ้มครองโลกไม่ได้เป็นเพียงวันที่ระลึกถึงธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนใจให้เราทุกคนลุกขึ้นมาปกป้องโลกใบนี้ในแบบของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการลดใช้พลาสติก หันมาใช้พลังงานสะอาด ปลูกต้นไม้ หรือสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทุกการกระทำล้วนมีความหมาย เพราะ “พลังของเรา คือพลังในการเปลี่ยนแปลงโลก”
