
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบกับธารน้ำแข็งทั่วโลก ในช่วงที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์เฝ้าสังเกตและติดตามธารน้ำแข็งใน “ปาตาโกเนีย” พบว่าธารน้ำแข็งหดตัวลงอย่างรวดเร็วและส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น 0.07 มม./ปี สาเหตุจากการหมุนของชั้นบรรยากาศมีการเปลี่ยนแปลงทำให้อากาศอบอุ่นเข้ามาในปาตาโกเนียได้มากขึ้น
“ปาตาโกเนีย” ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีสตอนใต้ระหว่างชิลีและอาร์เจนตินา เป็นพื้นที่ที่มีธารน้ำแข็งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากแอนตาร์กติกา โดยเทือกเขาแอนดีสที่สูงใหญ่จะทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้นความชื้นจากมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการสะสมตัวของหิมะกว่า 15 เมตรในทุกปี แต่บริเวณพื้นที่ที่ต่ำกว่าต้องเผชิญกับอัตราการละลายของหิมะอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้น ในช่วงฤดูร้อนธารน้ำแข็งจะละลายลงอย่างรวดเร็ว และน้ำแข็งที่ละลายเหล่านี้ก็จะไหลลงสู่มหาสมุทรส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 1940 ปาตาโกเนียสูญเสียน้ำแข็งไปมากกว่า 1 ใน 4 และระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นแล้วอย่างน้อย 3.7 มม. ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าปรากฏการณ์นี้เชื่อมโยงกับภาวะโลกร้อน
สรุปข่าว
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบกับธารน้ำแข็งทั่วโลก ในช่วงที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์เฝ้าสังเกตและติดตามธารน้ำแข็งใน “ปาตาโกเนีย” พบว่าธารน้ำแข็งหดตัวลงอย่างรวดเร็วและส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น 0.07 มม./ปี สาเหตุจากการหมุนของชั้นบรรยากาศมีการเปลี่ยนแปลงทำให้อากาศอบอุ่นเข้ามาในปาตาโกเนียได้มากขึ้น
“ปาตาโกเนีย” ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีสตอนใต้ระหว่างชิลีและอาร์เจนตินา เป็นพื้นที่ที่มีธารน้ำแข็งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากแอนตาร์กติกา โดยเทือกเขาแอนดีสที่สูงใหญ่จะทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้นความชื้นจากมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการสะสมตัวของหิมะกว่า 15 เมตรในทุกปี แต่บริเวณพื้นที่ที่ต่ำกว่าต้องเผชิญกับอัตราการละลายของหิมะอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้น ในช่วงฤดูร้อนธารน้ำแข็งจะละลายลงอย่างรวดเร็ว และน้ำแข็งที่ละลายเหล่านี้ก็จะไหลลงสู่มหาสมุทรส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 1940 ปาตาโกเนียสูญเสียน้ำแข็งไปมากกว่า 1 ใน 4 และระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นแล้วอย่างน้อย 3.7 มม. ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าปรากฏการณ์นี้เชื่อมโยงกับภาวะโลกร้อน

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ความกดอากาศในเขตร้อนชื้นเคลื่อนตัวไปทางขั้วโลก เกิดการหย่อนของชั้นบรรยากาศทำให้อากาศอบอุ่นไหลเข้ามาในปาตาโกเนียได้มากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นความกังวลของนักวิทยาศาสตร์ หากอนาคตอัตราการละลายของธารน้ำแข็งยังเทียบเท่ากับปัจจุบันก็อาจทำให้ธารน้ำแข็งในปาตาโกเนียจะหายไปทั้งหมดภายในระยะเวลา 250 ปี และระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้น 1 ซม. การสูญเสียธารน้ำแข็งที่สำคัญนี้จะกระทบไปถึงอเมริกาใต้ที่ต้องพึ่งพาแหล่งน้ำจืดจากธารน้ำแข็งในช่วงฤดูร้อน สัตว์และสิ่งมีชีวิตมากมายไม่มีที่อยู่อาศัย และเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ นอกจากนี้ระบบหมุนเวียนในมหาสมุทรและกระแสลมจะเสียสมดุล ส่งผลกระทบต่อสภาพาอากาศทั่วโลก อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้น ภัยธรรมชาติรุนแรงมากขึ้น หรืออาจเปลี่ยนแปลงฤดูกาลของโลกไปได้
- โลกร้อนไม่ใช่ภัยเงียบ ธารน้ำแข็งทั่วโลกกำลังหายไป เข้าใกล้จุดวิกฤตอย่างไม่มีวันย้อนกลับ
- โลกเจอคลื่นความร้อน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30 วันต่อปี จะมากกว่านี้หากไม่ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- ธารน้ำแข็งเทือกเขาแอลป์ถล่ม สร้างความกังวลใหม่ เสี่ยงน้ำท่วมหมู่บ้านใกล้เคียง
- โลกจะร้อนทุบสถิติใน 5 ปี อุตุฯโลกชี้ภัยธรรมชาติเพิ่มแน่ ทั้งไฟป่า น้ำท่วม ภัยแล้งรุนแรง
- ธารน้ำแข็งเทือกเขาแอลป์ พังถล่มทับหมู่บ้านในสวิตฯ
- ปากีสถานร้อนจัด ประชาชนเสี่ยงขาดน้ำรุนแรง
- "มูลเพนกวิน" สร้างเมฆบังแดด ช่วยชะลอโลกร้อนที่แอนตาร์กติกา
