ทำไมฤดูฝนยังร้อนอบอ้าว? ไขคำตอบ "ความชื้น" ตัวการสำคัญที่ทำให้อึดอัด

โดยปกติแล้ว อุณหภูมิร่างกายของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 37°C ร่างกายมีระบบควบคุมอุณหภูมิโดยการขับเหงื่อออกมาเพื่อลดความร้อน ซึ่งเมื่อเหงื่อระเหยจากผิวหนัง ก็จะช่วยทำให้เรารู้สึกเย็นลง แต่ในช่วงที่มี ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง เช่นช่วงฤดูฝน กระบวนการระเหยของเหงื่อจะทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะอากาศมีไอน้ำอิ่มตัวอยู่แล้ว จึงไม่สามารถรับไอน้ำเพิ่มจากผิวหนังได้อีก ทำให้เหงื่อระเหยช้า ร่างกายจึงยังร้อนอยู่ และทำให้เรารู้สึกอึดอัด เหนอะหนะ แม้อุณหภูมิจะไม่ได้สูงมากก็ตาม

สรุปข่าว

“แม้ว่าเราจะเข้าสู่ ฤดูฝน แล้ว หลายคนกลับยังรู้สึกว่าอากาศยังคง ร้อนอบอ้าว ไม่ต่างจากช่วงหน้าร้อน โดยเฉพาะในช่วงก่อนฝนตก ที่อุณหภูมิยิ่งสูงจนรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ อึดอัด และไม่สบายตัว สาเหตุสำคัญของปรากฏการณ์นี้คือ "ความชื้นในอากาศ" ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงฤดูฝน”

โดยปกติแล้ว อุณหภูมิร่างกายของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 37°C ร่างกายมีระบบควบคุมอุณหภูมิโดยการขับเหงื่อออกมาเพื่อลดความร้อน ซึ่งเมื่อเหงื่อระเหยจากผิวหนัง ก็จะช่วยทำให้เรารู้สึกเย็นลง แต่ในช่วงที่มี ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง เช่นช่วงฤดูฝน กระบวนการระเหยของเหงื่อจะทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะอากาศมีไอน้ำอิ่มตัวอยู่แล้ว จึงไม่สามารถรับไอน้ำเพิ่มจากผิวหนังได้อีก ทำให้เหงื่อระเหยช้า ร่างกายจึงยังร้อนอยู่ และทำให้เรารู้สึกอึดอัด เหนอะหนะ แม้อุณหภูมิจะไม่ได้สูงมากก็ตาม

ความชื้นในอากาศคือ ไอน้ำที่ลอยปะปนอยู่ในบรรยากาศ ซึ่งมาจากหลายแหล่ง เช่น การระเหยของน้ำจากพื้นผิวต่าง ๆ การคายน้ำของพืช รวมถึงการหายใจของสิ่งมีชีวิต เมื่อไอน้ำสะสมในอากาศจนถึงระดับที่อิ่มตัว การระเหยของเหงื่อและน้ำจะเกิดได้ยาก ส่งผลให้พื้นที่นั้นมีลักษณะอากาศร้อนชื้น

ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อน ใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงมีสภาพอากาศแบบ ร้อนชื้น แทบตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นสัมพัทธ์จะสูงที่สุด ทำให้เรารู้สึกอบอ้าวเป็นพิเศษ แม้จะมีฝนตกลงมาบ่อยก็ตาม ดังนั้นฤดูฝนไม่ใช่แค่เปียกชื้น แต่ยัง "ร้อน" ได้ไม่แพ้หน้าร้อน และสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัวก็คือ ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ที่ส่งผลให้เหงื่อระเหยออกจากผิวหนังได้ช้าลง ทำให้ระบายความร้อนได้ยากเลยทำให้เรารู้สึกเหนอะหนะทุกครั้งในช่วงที่ฝนตกนั่นเอง

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN