ต้นกำเนิด “วันเข้าพรรษา” กับที่มาในช่วง “ฤดูฝน”

ต้นกำเนิด “วันเข้าพรรษา” กับที่มาในช่วง “ฤดูฝน”

วันเข้าพรรษาซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่11 กรกฎาคม 2568 (แรม 1 ค่ำ เดือน 8) ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่พระภิกษุจะเริ่มเข้าสู่การ “จำพรรษา” โดยการอธิษฐานอยู่ประจำที่วัดหรือเสนาสนะที่คุ้มแดดคุ้มฝน ไม่เดินทางจาริกไปค้างแรมที่อื่น ตลอดระยะเวลา3 เดือนในฤดูฝน

ในสมัยพุทธกาล ภิกษุในพระพุทธศาสนามักเดินทางเผยแผ่ธรรมะตลอดปี แม้ในช่วงฤดูฝนที่ชาวบ้านกำลังทำไร่ทำนา การเดินทางของภิกษุอาจส่งผลให้เหยียบย่ำต้นข้าว กล้าไม้ หรือสัตว์เล็กน้อย เช่น มด ปลวก และหอยทาก ซึ่งทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่สบายใจด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติ “วินัยจำพรรษา” ให้ภิกษุอยู่ประจำที่ตลอดฤดูฝน เป็นการแสดงความเมตตาต่อสรรพชีวิต และเคารพวิถีชีวิตเกษตรกรรมของชุมชนโดยรอบ จนกลายมาเป็นหนึ่งในข้อวินัยสำคัญของพระสงฆ์สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

สรุปข่าว

“วันเข้าพรรษา” ประเพณีสำคัญของชาวพุทธในฤดูฝน สะท้อนสายสัมพันธ์ระหว่างธรรมะกับธรรมชาติ เนื่องจากวันเข้าพรรษามักตรงกับช่วงต้นฤดูฝนของไทย พระสงฆ์จึงหยุดจาริกและอยู่ประจำที่วัดตลอด 3 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงที่ชาวบ้านทำไร่ทำนา และรักษาสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเหยียบย่ำระหว่างฤดูฝน

วันเข้าพรรษาซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่11 กรกฎาคม 2568 (แรม 1 ค่ำ เดือน 8) ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่พระภิกษุจะเริ่มเข้าสู่การ “จำพรรษา” โดยการอธิษฐานอยู่ประจำที่วัดหรือเสนาสนะที่คุ้มแดดคุ้มฝน ไม่เดินทางจาริกไปค้างแรมที่อื่น ตลอดระยะเวลา3 เดือนในฤดูฝน

ในสมัยพุทธกาล ภิกษุในพระพุทธศาสนามักเดินทางเผยแผ่ธรรมะตลอดปี แม้ในช่วงฤดูฝนที่ชาวบ้านกำลังทำไร่ทำนา การเดินทางของภิกษุอาจส่งผลให้เหยียบย่ำต้นข้าว กล้าไม้ หรือสัตว์เล็กน้อย เช่น มด ปลวก และหอยทาก ซึ่งทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่สบายใจด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติ “วินัยจำพรรษา” ให้ภิกษุอยู่ประจำที่ตลอดฤดูฝน เป็นการแสดงความเมตตาต่อสรรพชีวิต และเคารพวิถีชีวิตเกษตรกรรมของชุมชนโดยรอบ จนกลายมาเป็นหนึ่งในข้อวินัยสำคัญของพระสงฆ์สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

คำว่า “พรรษา” มีรากศัพท์จากภาษาบาลี“วัสสา”แปลว่าฝนดังนั้นจึงสื่อถึงช่วงฤดูฝนโดยตรง ฤดูกาลนี้จึงเป็นเวลาที่พระภิกษุใช้โอกาสปลีกวิเวก ฝึกปฏิบัติธรรม ศึกษาพระวินัย และเพิ่มพูนศีล สมาธิ ปัญญาในขณะเดียวกัน พุทธศาสนิกชนก็ใช้ช่วงพรรษานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการรักษาศีล ทำบุญ และปฏิบัติธรรมรวมถึงการถวายสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะ “เทียนพรรษา” เพื่อให้พระสงฆ์ใช้เป็นแสงสว่างในการศึกษาและประกอบกิจกรรมทางศาสนาในช่วงที่ฝนตกและกลางคืนยาวนาน

ต่อมา การถวายเทียนพรรษาได้พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นประเพณีอันงดงาม เช่น “ขบวนแห่เทียนพรรษา” ที่จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ทั้งในด้านความวิจิตรบรรจงของเทียนที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต และขบวนแห่ที่แสดงถึงศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความร่วมแรงร่วมใจของชุมชน

กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการสร้างกุศล หากยังส่งเสริมการท่องเที่ยว การอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรม และการปลูกฝังคุณธรรมให้กับเยาวชนอีกด้วย

ในภาพรวมวันเข้าพรรษาคือบทสะท้อนของการปรับตัวของพระพุทธศาสนาให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการเคารพและอยู่ร่วมกับธรรมชาติในช่วงฤดูฝนอย่างกลมกลืน เป็นช่วงเวลาที่ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสหันมาใช้ชีวิตอย่างมีสติ ใส่ใจตนเองและสิ่งรอบตัวมากยิ่งขึ้น