น้ำทะเลกลืนวัด! “วัดขุนสมุทรจีน” รอวันจมหาย จาก 76 ไร่เหลือ 5 ไร่สุดท้าย

น้ำทะเลกลืนวัด! “วัดขุนสมุทรจีน” รอวันจมหาย จาก 76 ไร่เหลือ 5 ไร่สุดท้าย

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับ “วัดขุนสมุทรจีน” วัดกลางทะเลที่ถูกน้ำกัดเซาะรุนแรงที่สุดในประเทศไทย

 

วัดขุนสมุทราวาส หรือ วัดขุนสมุทรจีน ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางทะเล มีสะพานทางเดินยาวประมาณ 300 เมตรเชื่อมต่อจากฝั่งไปยังตัววัด

 

ในอดีต วัดแห่งนี้เคยตั้งอยู่บนแผ่นดิน มีพื้นที่กว่า 76 ไร่ จากที่ชาวบ้านในชุมชนขุนสมุทรจีนร่วมกันบริจาค แต่ปัจจุบันเหลือเพียง ไร่ เนื่องจากถูกน้ำทะเลกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณบ้านขุนสมุทรจีน ซึ่งเป็นจุดที่เกิดการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงที่สุดในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 จนถึงปัจจุบัน พื้นที่แถบนั้นถูกกัดเซาะไปแล้วมากกว่า กิโลเมตร

สรุปข่าว

“ดร.สนธิ” เผย “วัดขุนสมุทรจีน” ในสมุทรปราการถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนเหลือพื้นที่เพียง 5 ไร่ จากเดิม 76 ไร่ และกลายเป็นวัดกลางทะเล ปัญหาเกิดจากภาวะโลกร้อน ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น และแผ่นดินทรุดตัวต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2573 ระดับน้ำทะเลอาจสูงถึง 1.70 เมตร เสี่ยงน้ำท่วมพื้นที่ชายฝั่งอย่างรุนแรง

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับ “วัดขุนสมุทรจีน” วัดกลางทะเลที่ถูกน้ำกัดเซาะรุนแรงที่สุดในประเทศไทย

 

วัดขุนสมุทราวาส หรือ วัดขุนสมุทรจีน ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางทะเล มีสะพานทางเดินยาวประมาณ 300 เมตรเชื่อมต่อจากฝั่งไปยังตัววัด

 

ในอดีต วัดแห่งนี้เคยตั้งอยู่บนแผ่นดิน มีพื้นที่กว่า 76 ไร่ จากที่ชาวบ้านในชุมชนขุนสมุทรจีนร่วมกันบริจาค แต่ปัจจุบันเหลือเพียง ไร่ เนื่องจากถูกน้ำทะเลกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณบ้านขุนสมุทรจีน ซึ่งเป็นจุดที่เกิดการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงที่สุดในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 จนถึงปัจจุบัน พื้นที่แถบนั้นถูกกัดเซาะไปแล้วมากกว่า กิโลเมตร

ชุมชนและวัดขุนสมุทรจีนกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจาก ภาวะโลกร้อนและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้แผ่นดินทรุดตัวลงโดยเฉลี่ย 1-2 เซนติเมตรต่อปี ขณะที่ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 3-5 มิลลิเมตรต่อปี นอกจากนี้ ในช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง พื้นที่โดยรอบวัดมักถูกน้ำท่วมทั้งหมด และเพื่อรับมือกับภัยน้ำทะเล วัดได้ดำเนินการ สร้างกำแพงกันคลื่น โดยใช้หินขนาดใหญ่ และในบางช่วงใช้ไม้ไผ่ปักกลางทะเล เพื่อชะลอความรุนแรงของคลื่นที่ซัดเข้าสู่พื้นที่วัด


ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2573 หรือ ค.ศ. 2030 ระดับน้ำทะเลบริเวณสถานีป้อมพระจุลจอมเกล้า จังหวัดสมุทรปราการ จะเพิ่มขึ้นสูงถึง 1.70 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพื้นที่ชายฝั่ง รวมถึงวัดและชุมชนโดยรอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่มาข้อมูล : Sonthi Kotchawat

ที่มารูปภาพ : Wiwatchai Khag