
ในดินแดนชูกูโรวา (Çukurova) แคว้นเกษตรกรรมอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศตุรกี เกษตรกรผู้ปลูกเลมอนกำลังเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่จากสภาพอากาศสุดขั้วที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ คลื่นความร้อน และพายุรุนแรง เหตุการณ์เหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อภาคการเกษตร และต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
เกษตรกรรายหนึ่งเล่าถึงความยากลำบากว่า ฤดูกาลนี้พืชผลของเขาเสียหายไปเกือบ 40% เริ่มจากน้ำค้างแข็งที่ทำให้ดอกเลมอนร่วง จากนั้นลูกเห็บก็ตกใส่ผลอ่อน และท้ายที่สุดคลื่นความร้อนในเดือนสิงหาคมได้เผาผลาญสวนจนผลเลมอนแตกผิวและเกิดรอยไหม้ราวกับถูกต้มสุก ความร้อนสูงสุดถึง 47.5 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นวันที่ร้อนที่สุดในรอบ 95 ปีของเมืองอาดานา
สรุปข่าว
เกษตรกรที่ปลูกเลมอนในตุรกีสูญเสียผลผลิตกว่า 40% จากน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ และคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดในรอบเกือบศตวรรษ ผลกระทบขยายวงกว้างถึงแอปริคอตและเฮเซลนัท มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 23 พันล้านลีราตุรกี สะเทือนเกษตรกรหลายแสนครอบครัว
เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่กระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางอาหารและชีวิตผู้คนทั่วโลก
ในดินแดนชูกูโรวา (Çukurova) แคว้นเกษตรกรรมอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศตุรกี เกษตรกรผู้ปลูกเลมอนกำลังเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่จากสภาพอากาศสุดขั้วที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ คลื่นความร้อน และพายุรุนแรง เหตุการณ์เหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อภาคการเกษตร และต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
เกษตรกรรายหนึ่งเล่าถึงความยากลำบากว่า ฤดูกาลนี้พืชผลของเขาเสียหายไปเกือบ 40% เริ่มจากน้ำค้างแข็งที่ทำให้ดอกเลมอนร่วง จากนั้นลูกเห็บก็ตกใส่ผลอ่อน และท้ายที่สุดคลื่นความร้อนในเดือนสิงหาคมได้เผาผลาญสวนจนผลเลมอนแตกผิวและเกิดรอยไหม้ราวกับถูกต้มสุก ความร้อนสูงสุดถึง 47.5 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นวันที่ร้อนที่สุดในรอบ 95 ปีของเมืองอาดานา
เกษตรกรรายอื่น ๆ ต่างเล่าถึงความสิ้นหวังไม่ต่างกัน คนงานสวนบอกว่า “เหมือนสวนถูกไฟเผา” ส่วนประธานหอการค้าเกษตรในพื้นที่ ยอมรับว่าชูกูโรวาในฐานะผู้ผลิตส้มราว 40% ของประเทศ กำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากภาวะโลกร้อน ทั้งน้ำค้างแข็งรุนแรง คลื่นความร้อน ลูกเห็บ และแม้กระทั่งพายุทอร์นาโด
ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่เลมอนเท่านั้น เกษตรกรที่ปลูกแอปริคอตในเมืองมาลัตยา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตแอปริคอตตากแห้งที่ใหญ่ที่สุดของโลก สูญเสียผลผลิตมหาศาลจนถึงขั้นห่วงว่าต้นไม้จะตาย ส่วนเกษตรกรเฮเซลนัทก็เสียหายกว่า 2.3 พันล้านลีรา ตุรกี ซึ่งประเทศนี้ครองสัดส่วนการผลิตเฮเซลนัทถึง 70% ของโลก
ความสูญเสียรวมจากเหตุสภาพอากาศสุดขั้วครั้งนี้ ประธานาธิบดีแอร์โดอานระบุว่ามีมูลค่าสูงถึง 23 พันล้านลีรา ครอบคลุมเกษตรกร 50,000 รายที่มีประกันภัย และยังต้องช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 23 พันล้านลีราให้เกษตรกรที่ไม่มีประกันมากถึง 420,000 ราย เกษตรกรเตือนว่าผลผลิตที่หายไปจะทำให้ราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเลมอนซึ่งคาดว่าจะขาดแคลนหนักในฤดูหนาวที่จะถึงนี้ ปัจจุบันราคาขายเลมอนในชูกูโรวายังสูงกว่าในฟินแลนด์เสียอีก สะท้อนถึงความวิกฤติที่ไม่อาจมองข้ามได้
เรื่องราวของเกษตรกรชูกูโรวาเป็นภาพสะท้อนของความเปราะบางของภาคการเกษตรที่ต้องเผชิญกับวิกฤตภูมิอากาศโลก เมื่อปรากฏการณ์สุดขั้วกลายเป็นเรื่องปกติ เกษตรกรไม่เพียงต้องต่อสู้เพื่อรักษาผลผลิต แต่ยังต้องดิ้นรนเพื่อรักษาต้นไม้และชีวิตของตนเอง ความสูญเสียครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงปัญหาของตุรกี หากแต่เป็นคำเตือนต่อทั้งโลกว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้กลายเป็นวิกฤตที่กระทบทุกครัวเรือนและทุกจานอาหาร
- “โตเกียว” ร้อนผิดปกติ จำนวนวันร้อนจัดเพิ่มขึ้น 2 เท่า ทำคุณภาพชีวิตเริ่มแย่ลง
- เวียดนามดึงภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างบ้านไม้ไผ่-สตูดิโอก่ออิฐ ต้านภัยธรรมชาติที่แรงขึ้นทุกปี
- เปิดสถิติทิศทางเข้าไทยเดือนก.ย. ในรอบ 74 ปี
- ฤดูร้อน “ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้” ปีนี้ ทุบสถิติร้อนสุดในประวัติศาสตร์
- มนุษย์ยุคแรกเกือบสูญพันธุ์ เหลือรอดเพียง 1,280 คน จากวิกฤตภูมิอากาศ
ที่มาข้อมูล : Dailysabah.com
ที่มารูปภาพ : Reuters
