มหาสมุทรซีกโลกเหนือ อุ่นขึ้นเป็นประวัติการณ์ สัญญาณเตือนภัยธรรมชาติจากทะเล

มหาสมุทรซีกโลกเหนือ อุ่นขึ้นเป็นประวัติการณ์ สัญญาณเตือนภัยธรรมชาติจากทะเล

หน่วยงานติดตามและสังเกตการณ์โลกโคเปอร์นิคัสแห่งสหภาพยุโรปรายงานว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอุณหภูมิผิวน้ำบางพื้นที่ในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือทางฝั่งตะวันตกของฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ โดยอุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 20.28 องศาเซลเซียส ไม่นับรวมขั้วโลก และอุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้นผิวโลกอยู่ที่ 16.6 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 1.52 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่ยังอยู่ในความตกลงปารีสที่ต้องวัดจากค่าเฉลี่ยต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปี แต่ก็ถือว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง เนื่องจากช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่โลกร้อนที่สุด

สรุปข่าว

อุณหภูมิของมหาสมุทรในซีกโลกเหนืออุ่นขึ้นเป็นประวัติการณ์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์อาจเกิดจากทะเลดูดซับความร้อนในชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยที่เชื่อมโยงกับภัยพิบัติทั้งน้ำท่วมครั้งใหญ่และภัยแล้งในอนาคต

หน่วยงานติดตามและสังเกตการณ์โลกโคเปอร์นิคัสแห่งสหภาพยุโรปรายงานว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอุณหภูมิผิวน้ำบางพื้นที่ในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือทางฝั่งตะวันตกของฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ โดยอุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทรเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 20.28 องศาเซลเซียส ไม่นับรวมขั้วโลก และอุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้นผิวโลกอยู่ที่ 16.6 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 1.52 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่ยังอยู่ในความตกลงปารีสที่ต้องวัดจากค่าเฉลี่ยต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปี แต่ก็ถือว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง เนื่องจากช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่โลกร้อนที่สุด

นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายความผิดปกติของอุณหภูมิในมหาสมุทรนี้ว่าอาจเกิดการดูดซับความร้อนในชั้นบรรยากาศสะสม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมทั้งจากกระแสลมอ่อนลงในช่วงฤดูร้อน และปรากฏการณ์เอลนีโญในปี 2023-2024 เป็นตัวเร่งที่ปฏิกิริยาทำให้โลกอุ่นขึ้น แม้ว่าองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มสูงถึงร้อยละ 55 ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกจะเย็นลงไปจนถึงระดับปรากฏการณ์ลานีญาในช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่ก็อาจไม่เย็นพอที่จะทำให้อุณหภูมิโลกลดลงในระยะยาวได้ 

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม 2024 เมืองวาเลนเซียของสเปน เผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ซึ่งมีสาเหตุมาจากคลื่นความร้อนในทะเลเมดิเตอร์เรเนีย และในปี 2025 ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนได้แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ทั่วโลกต่างเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ มากมายทั้งไฟป่ารุนแรงในสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส ตุรกี กรีซ และมอนเตรเนโก ส่วนยุโรปตอนเหนือกลับมีอากาศเย็นกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ขณะที่ปากีสถาน และอินเดียต้องเผชิญกับฝนมรสุมครั้งใหญ่และมีผู้เสียชีวิตกว่า 800 คน ประชาชนต้องอพยพเกือบ 2 ล้านคน

 

อุณหภูมิมหาสมุทรที่สูงผิดปกตินี้อาจกำลังส่งสัญญาณเตือนภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วมใหญ่ รวมไปถึงความถี่ของพายุที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

ที่มาข้อมูล : Financial Times

ที่มารูปภาพ : Envato