
กรมชลประทานรายงานว่า จากฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น แม้จะใช้การทดน้ำและนำน้ำเข้าระบบชลประทานเต็มศักยภาพแล้ว แต่ยังมีน้ำส่วนเกินที่ต้องระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) จึงเห็นชอบปรับเพิ่มการระบายน้ำที่ 2,000 - 2,500 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้น 40 - 60 ซม. ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ 4 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา รวมถึงพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำน้อยและคลองบางบาล
สรุปข่าว
กรมชลประทานรายงานว่า จากฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น แม้จะใช้การทดน้ำและนำน้ำเข้าระบบชลประทานเต็มศักยภาพแล้ว แต่ยังมีน้ำส่วนเกินที่ต้องระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) จึงเห็นชอบปรับเพิ่มการระบายน้ำที่ 2,000 - 2,500 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้น 40 - 60 ซม. ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ 4 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา รวมถึงพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำน้อยและคลองบางบาล
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า ช่วง 15 - 16 กันยายน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วน 17 - 21 กันยายน ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก อาจเกิดฝนตกหนักถึงหนักมากและน้ำป่าไหลหลาก จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่า
การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประชาชนและทรัพย์สิน.
- น้ำท่วม 2568 เปิดพื้นที่เหนือเขื่อน-ท้ายเขื่อน รับผลกระทบจาก "เขื่อนเจ้าพระยา"
- น้ำท่วม “พิจิตร” ยังน่าห่วง กระทบ 5,000 ครัวเรือน
- "เขื่อนเจ้าพระยา" เตรียมพร้อมรับน้ำเหนือ 4 ตำบล จ.ชัยนาท ท่วมแล้ว 100 หลังคา
- กรมชลฯ ทยอยปรับเพิ่มระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อให้สอดคล้องปริมาณน้ำ-ฝนตก
- "เขื่อนเจ้าพระยา" แจ้งระบายน้ำเป็น 1,950 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่ 3 ทุ่มเป็นต้นไป
ที่มาข้อมูล : กรมชลประทาน
ที่มารูปภาพ : กรมชลประทาน
