
ในฤดูมรสุมปีนี้ “ปากีสถาน” เผชิญกับน้ำท่วมครั้งรุนแรงซึ่งคร่าชีวิตหลายร้อยคนและทำให้ประชากรหลายล้านคนต้องอพยพ นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าประเทศนี้กำลังเป็น “จุดศูนย์กลาง” ของวิกฤติสภาพภูมิอากาศ เพราะเหตุการณ์ฝนตกหนักกลายเป็นเรื่องปกติและมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
มรสุมประจำฤดูร้อนในเอเชียใต้สำคัญสำหรับประชากร 2 พันล้านคน เพราะฝนช่วยหล่อเลี้ยงพืชผลและบรรเทาความร้อนจัด แต่ปีนี้ ฝนตกหนักผิดปกติจากเทือกเขาหิมาลัยตะวันตกสร้างน้ำท่วมรุนแรงทั่วประเทศ คร่าชีวิตกว่า 1,000 คน และบังคับให้ประชากร 2.5 ล้านคนต้องอพยพ ถนน สะพาน และเขื่อนหลายแห่งถูกทำลายจากน้ำป่า พื้นที่การเกษตรหลายล้านเอเคอร์ถูกน้ำท่วม ทำให้พืชผลเสียหายราว 3.5 พันล้านดอลลาร์
สรุปข่าว
“ปากีสถาน” เผชิญน้ำท่วมรุนแรงซ้ำซากจากฝนมรสุมที่ตกหนักผิดปกติและการละลายของธารน้ำแข็ง ทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องอพยพและพืชผลเสียหายมหาศาล บ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานส่วนใหญ่สร้างบนพื้นที่เสี่ยงและล้าสมัย ทำให้น้ำท่วมรุนแรงยิ่งขึ้นและฟื้นตัวช้านักวิทยาศาสตร์เตือนว่าการป้องกันด้วยโครงสร้างเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องฟื้นฟูลุ่มน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อปกป้องชีวิตและความมั่นคงทางอาหารในอนาคต
ในฤดูมรสุมปีนี้ “ปากีสถาน” เผชิญกับน้ำท่วมครั้งรุนแรงซึ่งคร่าชีวิตหลายร้อยคนและทำให้ประชากรหลายล้านคนต้องอพยพ นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าประเทศนี้กำลังเป็น “จุดศูนย์กลาง” ของวิกฤติสภาพภูมิอากาศ เพราะเหตุการณ์ฝนตกหนักกลายเป็นเรื่องปกติและมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
มรสุมประจำฤดูร้อนในเอเชียใต้สำคัญสำหรับประชากร 2 พันล้านคน เพราะฝนช่วยหล่อเลี้ยงพืชผลและบรรเทาความร้อนจัด แต่ปีนี้ ฝนตกหนักผิดปกติจากเทือกเขาหิมาลัยตะวันตกสร้างน้ำท่วมรุนแรงทั่วประเทศ คร่าชีวิตกว่า 1,000 คน และบังคับให้ประชากร 2.5 ล้านคนต้องอพยพ ถนน สะพาน และเขื่อนหลายแห่งถูกทำลายจากน้ำป่า พื้นที่การเกษตรหลายล้านเอเคอร์ถูกน้ำท่วม ทำให้พืชผลเสียหายราว 3.5 พันล้านดอลลาร์
สาเหตุของความเสียหายเกิดจากหลายปัจจัย ประการแรกคือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ทำให้ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ชั้นบรรยากาศกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น ฝนมรสุมจึงตกหนักและรุนแรงมากขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ประการที่สองคือ การละลายของธารน้ำแข็งและทะเลสาบน้ำแข็ง ในเทือกเขาตอนเหนือของปากีสถาน เมื่อน้ำจากทะเลสาบเหล่านี้แตกออกมา จะสร้างน้ำป่าไหลลงสู่หมู่บ้านและพื้นที่เพาะปลูกอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การละลายของธารน้ำแข็งยังทำให้เกิดดินถล่มและน้ำป่าซ้ำซาก
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ การสร้างบ้านและโครงสร้างในพื้นที่เสี่ยง ประชากรหลายล้านคนอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดตามลุ่มน้ำและพื้นที่ต่ำ บ้านส่วนใหญ่ทำจากวัสดุที่ไม่ทนต่อฝน ทำให้ถูกทำลายง่าย การขยายตัวของเมืองยังลดความสามารถของพื้นดินในการซึมน้ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงมากขึ้น ขณะเดียวกัน เขื่อนและคันกั้นน้ำหลายแห่งล้าสมัย การสะสมของตะกอนในแม่น้ำทำให้ความสามารถในการระบายน้ำลดลง เกิดคอขวดน้ำท่วมและความเสียหายเพิ่ม
นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า หากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 2°C เหตุการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมรุนแรงจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก การป้องกันน้ำท่วมด้วยโครงสร้างเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่จำเป็นต้อง ฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ ลุ่มน้ำ และให้แม่น้ำมีพื้นที่ไหลตามธรรมชาติ เพื่อลดความรุนแรงของน้ำท่วมและปกป้องชีวิตประชาชน
ปากีสถานจึงกลายเป็นตัวอย่างของประเทศที่เปราะบางที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ น้ำท่วมซ้ำซากทำลายความมั่นคงทางอาหารและชีวิตผู้คน การแก้ปัญหาต้องผสมผสานทั้งการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ ลุ่มน้ำ และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืน เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำร้ายแรงยิ่งขึ้นในอนาคต
- โลกจับตา “จีน” ลดก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่าที่คาด แต่ลงทุนพลังงานสะอาดถล่มทลาย
- แผ่นดินไหว 6.9 เขย่าฟิลิปปินส์ เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 22 ราย
- นายกฯ สั่งทำมาตรการช่วยน้ำท่วมซ้ำซาก-ทบทวนเยียวยาชายแดนไทยกัมพูชา
- 5 ประเทศเสี่ยงหายจากแผนที่โลก เหตุโลกร้อนรุนแรงทำน้ำทะเลสูง
- สัญญาณอันตรายจากขั้วโลกใต้ ธารน้ำแข็งพังทลาย อนาคตเสี่ยง ระดับน้ำทะเลสูงกว่า 10 เมตร!
ที่มาข้อมูล : e360.yale.edu
ที่มารูปภาพ : Reuters
