โลกร้อนป่วนการบิน นักวิทย์ฯชี้อากาศปั่นป่วนแรงขึ้น ต้องคาดเข็มขัดตลอดเวลา!

Share on Line Share on Facebook Share on X
โลกร้อนป่วนการบิน นักวิทย์ฯชี้อากาศปั่นป่วนแรงขึ้น  ต้องคาดเข็มขัดตลอดเวลา!

ผู้โดยสารที่กลัวการบินอาจต้องเผชิญความกังวลเพิ่มขึ้น หลังนักวิทยาศาสตร์เตือนว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศ (climate crisis) กำลังทำให้ “ความปั่นป่วนของอากาศ” หรือ turbulence ทวีความรุนแรงและเกิดบ่อยขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความสบายของผู้โดยสารสายการบินระหว่างประเทศ

ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า ความปั่นป่วนบนเครื่องบินมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. ความปั่นป่วนในอากาศ (clear-air turbulence) ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นักบินอาจเจอในท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งเนื่องจากความแปรปรวนของกระแสลมเจ็ต (jet stream) ในระดับความสูงที่เครื่องบินโดยสารส่วนใหญ่ใช้บินประหยัดเชื้อเพลิง ทำให้เกิด “การเฉือนของลม (wind shear)” ที่สามารถทำให้เครื่องบินสั่นสะเทือนได้อย่างรุนแรง
  2. ความปั่นป่วนจากคลื่นภูเขา (mountain-wave turbulence) เกิดจากลมแรงที่พัดผ่านยอดเขาสูง เช่น เทือกเขาร็อกกีในอเมริกาเหนือ หรือภูเขาในกรีนแลนด์ คลื่นอากาศเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อเครื่องบินที่บินอยู่ไกลออกไปหลายร้อยไมล์
  3. ความปั่นป่วนจากเมฆคิวมูลัสขนาดใหญ่ (cumulus turbulence) ซึ่งมักมากับพายุฝนฟ้าคะนอง อากาศภายในก้อนเมฆสามารถเคลื่อนตัวขึ้นและลงด้วยความเร็วสูง จนทำให้เครื่องบินออกนอกเส้นทางการบินได้

สรุปข่าว

ผู้เชี่ยวชาญเตือน วิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้ความปั่นป่วนบนเครื่องบินทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งจากกระแสลมที่แปรปรวน คลื่นอากาศเหนือภูเขา และพายุฝนฟ้าคะนอง ส่งผลให้เที่ยวบินทั่วโลกมีความเสี่ยงมากขึ้น นักบินแนะผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัย

ผู้โดยสารที่กลัวการบินอาจต้องเผชิญความกังวลเพิ่มขึ้น หลังนักวิทยาศาสตร์เตือนว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศ (climate crisis) กำลังทำให้ “ความปั่นป่วนของอากาศ” หรือ turbulence ทวีความรุนแรงและเกิดบ่อยขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความสบายของผู้โดยสารสายการบินระหว่างประเทศ

ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า ความปั่นป่วนบนเครื่องบินมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. ความปั่นป่วนในอากาศ (clear-air turbulence) ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นักบินอาจเจอในท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งเนื่องจากความแปรปรวนของกระแสลมเจ็ต (jet stream) ในระดับความสูงที่เครื่องบินโดยสารส่วนใหญ่ใช้บินประหยัดเชื้อเพลิง ทำให้เกิด “การเฉือนของลม (wind shear)” ที่สามารถทำให้เครื่องบินสั่นสะเทือนได้อย่างรุนแรง
  2. ความปั่นป่วนจากคลื่นภูเขา (mountain-wave turbulence) เกิดจากลมแรงที่พัดผ่านยอดเขาสูง เช่น เทือกเขาร็อกกีในอเมริกาเหนือ หรือภูเขาในกรีนแลนด์ คลื่นอากาศเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อเครื่องบินที่บินอยู่ไกลออกไปหลายร้อยไมล์
  3. ความปั่นป่วนจากเมฆคิวมูลัสขนาดใหญ่ (cumulus turbulence) ซึ่งมักมากับพายุฝนฟ้าคะนอง อากาศภายในก้อนเมฆสามารถเคลื่อนตัวขึ้นและลงด้วยความเร็วสูง จนทำให้เครื่องบินออกนอกเส้นทางการบินได้

นักอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้ความปั่นป่วนทั้งสามประเภทนี้รุนแรงขึ้น เนื่องจากกระแสลมเจ็ตมีความผันผวนมากกว่าเดิม และบรรยากาศของโลกโดยรวมมีแนวโน้มไม่เสถียรมากขึ้น สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งสหราชอาณาจักร (Met Office) กำลังพัฒนาแบบจำลองเพื่อคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงสำหรับอุตสาหกรรมการบิน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินแนะนำว่า ผู้โดยสารควรคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนที่นั่ง แม้ไฟสัญญาณคาดเข็มขัดจะดับลงก็ตาม เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากความปั่นป่วนของสภาพอากาศที่เกิดขึ้น

ในขณะที่สายการบินทั่วโลกเร่งปรับตัวกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ปัญหาความปั่นป่วนในอากาศอาจกลายเป็น “ความท้าทายใหม่ของการบินในยุคโลกร้อน” ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Envato