เส้นทางมวลน้ำเหนือ ปิง วัง ยม น่าน สู่เจ้าพระยา

Share on Line Share on Facebook Share on X
เส้นทางมวลน้ำเหนือ ปิง วัง ยม น่าน สู่เจ้าพระยา

นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมปรึกษาหารือการติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และการคาดการณ์ เพื่อบริหารจัดการน้ำตามสถานการณ์   สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศพบว่าสภาพอากาศโดยทั่วไปในวันนี้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่อง จากอิทธิพลของลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยคาดว่าในช่วงวันที่ 11–12 พฤศจิกายนนี้ ภาคใต้จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขณะที่ภาคเหนือและภาคอีสานจะเริ่มมีอากาศเย็นลงจากอิทธิพลของความกดอากาศสูงจากประเทศจีน

สรุปข่าว

สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำภาคเหนือยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานกาณณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเขื่อนหลักหลายแห่งมีปริมาณน้ำใกล้เต็มความจุ โดยเขื่อนกิ่วคอหมา มีน้ำล้นเขื่อน 115% เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีน้ำล้นเขื่อน 101% ขณะที่เขื่อนภูมิพลมีน้ำมาก 99 % เขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำมาก 98% เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำมาก 97 % และเขื่อนทับเสลา มีน้ำมากถึง 93% ล่าสุด วันที่ 10 พ.ย.68 "โครงการชลประทาน พระนครศรีอยุธยา" ขอแจ้งปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาโดยเริ่มเวลา 16.00 น. ทยอยจากอัตรา 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมปรึกษาหารือการติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และการคาดการณ์ เพื่อบริหารจัดการน้ำตามสถานการณ์   สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศพบว่าสภาพอากาศโดยทั่วไปในวันนี้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่อง จากอิทธิพลของลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยคาดว่าในช่วงวันที่ 11–12 พฤศจิกายนนี้ ภาคใต้จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขณะที่ภาคเหนือและภาคอีสานจะเริ่มมีอากาศเย็นลงจากอิทธิพลของความกดอากาศสูงจากประเทศจีน

ส่วนปริมาณน้ำที่สถานีวัดระดับน้ำหลักยังอยู่ต่ำกว่าตลิ่ง โดยที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ น้ำไหลผ่านประมาณ 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ต่ำกว่าตลิ่งเกือบ 1 เมตร ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ระบายน้ำอยู่ที่ 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และที่สถานีสามโคก จังหวัดปทุมธานี ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 30 เซนติเมตร แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยายังไม่ถึงจุดวิกฤต

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้ามาตรการป้องกันน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยกรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมในหลายพื้นที่ เพื่อเร่งระบายน้ำท่วมขังในเขตชุมชน ทั้งที่จังหวัดนครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี

 

ขณะเดียวกัน กองทัพบกได้ส่งกำลังพลจิตอาสาช่วยเสริมแนวคันกั้นน้ำและซ่อมแซมแนวพนังที่ชำรุด ในพื้นที่เสี่ยงริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน โดยเฉพาะในจังหวัดอ่างทองและสุพรรณบุรี เพื่อป้องกันน้ำล้นตลิ่งเข้าพื้นที่วัด โรงเรียน และบ้านเรือนของประชาชน

ล่าสุด วันที่ 10 พ.ย.68 ‘โครงการชลประทาน พระนครศรีอยุธยา‘ ขอแจ้งปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาโดยเริ่มเวลา 16.00 น. ทยอยจากอัตรา 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

แต่ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สทนช.ยืนยันไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54 เพราะปีที่น้ำท่วมนั้น มีการระบายน้ำถึง 3,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ถือว่ายังต่ำกว่าปี 54 ถึง 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงทำให้ชาวกรุงเทพฯไม่ต้องกังวลใจอะไร อาจจะเห็นน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยากระฉอกข้ามคันกันน้ำมา เป็นเพียงสถานการณ์น้ำทะเลหนุนเท่าน้้น โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำสูบกลับเข้าแม่น้ำเจ้าพระยารับมือรับมือสถานการณ์ไว้แล้ว