ปีนี้สหรัฐฯรอดพายุหวุดหวิด ไร้เฮอริเคนขึ้นฝั่งในรอบ 10 ปี!

Share on Line Share on Facebook Share on X
ปีนี้สหรัฐฯรอดพายุหวุดหวิด  ไร้เฮอริเคนขึ้นฝั่งในรอบ 10 ปี!

ฤดูกาลเฮอริเคนแอตแลนติกประจำปี 2568 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ได้กลายเป็นหนึ่งในปีที่แปลกที่สุดในรอบทศวรรษของสหรัฐอเมริกา เพราะไม่มีพายุเฮอริเคนลูกใดพัดขึ้นฝั่งสหรัฐเลย ต่างจากช่วง 5 ปีก่อนซึ่งประเทศต้องเผชิญเฮอริเคนพัดขึ้นฝั่งถึง 17 ลูก จนหลายพื้นที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

ด้าน “โจนาธาน พอร์เตอร์” หัวหน้านักอุตุนิยมวิทยาของ AccuWeather ระบุว่า สหรัฐฯ ได้รับอานิสงส์จากสภาพอากาศที่เอื้อ โดยมีลมบนที่ช่วยเบี่ยงทิศทางพายุ และแนวอากาศเย็นที่พัดลงฝั่งตะวันออก จนหลายลูกพลาดการขึ้นฝั่งแบบฉิวเฉียด พร้อมยอมรับว่า “โชค” ก็มีส่วนไม่น้อย

สรุปข่าว

แม้สหรัฐอเมริกาจะรอดพ้นเฮอริเคนขึ้นฝั่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี แต่ฤดูกาลพายุแอตแลนติกปี 2568 ก็ยังไม่อาจเรียกว่าปลอดภัย เมื่อพายุ “เมลิสซา” ในทะเลแคริบเบียนกลับสร้างความหายนะระดับประวัติการณ์ พร้อมความเสียหายทะลุหลักล้านล้านบาทและคร่าชีวิตหลายสิบราย ตอกย้ำว่าภัยพิบัติจากพายุรุนแรงยังคงเป็นความเสี่ยงใหญ่ของภูมิภาค

ฤดูกาลเฮอริเคนแอตแลนติกประจำปี 2568 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ได้กลายเป็นหนึ่งในปีที่แปลกที่สุดในรอบทศวรรษของสหรัฐอเมริกา เพราะไม่มีพายุเฮอริเคนลูกใดพัดขึ้นฝั่งสหรัฐเลย ต่างจากช่วง 5 ปีก่อนซึ่งประเทศต้องเผชิญเฮอริเคนพัดขึ้นฝั่งถึง 17 ลูก จนหลายพื้นที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

ด้าน “โจนาธาน พอร์เตอร์” หัวหน้านักอุตุนิยมวิทยาของ AccuWeather ระบุว่า สหรัฐฯ ได้รับอานิสงส์จากสภาพอากาศที่เอื้อ โดยมีลมบนที่ช่วยเบี่ยงทิศทางพายุ และแนวอากาศเย็นที่พัดลงฝั่งตะวันออก จนหลายลูกพลาดการขึ้นฝั่งแบบฉิวเฉียด พร้อมยอมรับว่า “โชค” ก็มีส่วนไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม พายุโซนร้อน “ชานทัล” ซึ่งขึ้นฝั่งที่รัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ยังคงสร้างผลกระทบหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้างในสองรัฐแคโรไลนา และมีผู้เสียชีวิต 6 ราย ขณะที่พายุที่ไม่ขึ้นฝั่งแต่อยู่ใกล้ชายฝั่ง เช่น เฮอริเคนเอริน ก็ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ซัดชายฝั่งและกัดเซาะชายหาดตั้งแต่รัฐฟลอริดาไปจนถึงมิดแอตแลนติก บ้านหลายหลังในพื้นที่ Outer Banks ทรุดตัวลงทะเลจากแรงคลื่น

ด้าน AccuWeather ประเมินว่า ความเสียหายรวมในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 2.03–2.26 ล้านล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าปี 2567 มาก ซึ่งมีความเสียหายสะสมกว่า 16.9–18.7 ล้านล้านบาท

หากไม่มีพายุเกิดเพิ่ม ฤดูกาลนี้จะปิดฉากลงด้วยพายุที่มีชื่อรวม 13 ลูก และเป็นเฮอริเคน 5 ลูก ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของภูมิภาค โดยในจำนวนนี้มีถึง 3 ลูกที่กลายเป็นเฮอริเคนระดับ 5 ได้แก่ เอริน ฮัมเบอร์โต และเมลิสซา

หนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าสนใจคือกรณี “ฟูจิวาระ เอฟเฟกต์” ที่เกิดขึ้นระหว่างเฮอริเคนอิเมลดาและฮัมเบอร์โต ทำให้เส้นทางอิเมลดาถูกดึงออกจากชายฝั่งสหรัฐ ถือเป็นหนึ่งในกรณีหายากในแอตแลนติก

พายุที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ เฮอริเคน “เมลิสซา” ซึ่งขึ้นฝั่งจาเมกาในสถานะพายุระดับ 5 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ด้วยความเร็วลมสูงสุดเกือบ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กลายเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยพัดเข้าเกาะจาเมกา โดยมีความกดอากาศต่ำเพียง 892 มิลลิบาร์ ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์แคริบเบียน

พายุ “เมลิสซา” สร้างความเสียหายราว 1.78–1.92 ล้านล้านบาท และทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 45 ราย โดยคาดว่าตัวเลขอาจเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยได้มากขึ้น

นักอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า แม้สหรัฐฯ จะโชคดีในปีนี้ แต่ไม่ควรประมาท เพราะโครงสร้างพื้นฐานหลายพื้นที่ยังเสี่ยงต่อสภาพอากาศรุนแรง ขณะที่เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วมีแนวโน้มเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นในอนาคต

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Reuters