ความเร็วที่ต้องแลกด้วยชีวิต

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อรถไฟ Hayabusa 60 (5060B) ขบวน E5 Series ที่มีผู้โดยสารเต็มขบวนรถกำลังมุ่งหน้าจากอาโอโมริ ไปยังโตเกียว ภายใต้การควบคุมของผู้จัดการรถไฟอย่าง คาซุยะ ทาคาอิจิ แต่หลังจากออกจากสถานีไปไม่นาน ก็มีสายปริศนาโทรเข้ามาแจ้งว่า "มีระเบิดติดตั้งอยู่ใต้รถไฟ และมันจะระเบิดทันทีหากความเร็วลดต่ำกว่า 100 กม./ชม. "

ภาพจาก : Netflix

สิ่งที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นคือคนร้ายเรียกร้องเงินค่าไถ่จำนวนมหาศาลถึงหนึ่งแสนล้านเยน  (23,457  ล้านบาท) พร้อมเงื่อนไขก็คือเงินที่ได้ต้องมาจากประชาชนจำนวน พวกเขามีเวลาหาเงินได้แค่เพียง 5 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนที่รถไฟจะถึงโตเกียว

หนึ่งในจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ การถ่ายทอดความตื่นตระหนกของมนุษย์ เมื่อเผชิญหน้ากับความตายที่อาจเกิดขึ้นได้ ความหวาดกลัวกระจายไปทั่วขบวนรถอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ข่าวว่ารถไฟที่นั่งอยู่มีระเบิดที่พร้อมทำงานได้ทุกเมื่อ  ในขณะเดียวกันตัวละครต่างๆ ก็เริ่มเปิดเผยเบื้องหลัง และด้านมืดของแต่ละคน ทั้ง นักการเมืองหญิงที่หวังใช้โอกาสนี้กู้ภาพลักษณ์, อินฟลูเอนเซอร์มหาเศรษฐีที่เปิดช่องทางระดมทุน, ไปจนถึง เด็กสาวลึกลับผู้ซ่อนความจริงอันน่าสะพรึงไว้ในใจ แต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนขับเคลื่อนเรื่องราวไปสู่จุดที่ทำให้คนดูไม่อาจละสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียว

ภาพจาก : Netflix

 "Bullet Train Explosion" ไม่ได้มีแค่ฉากระเบิดหรือลุ้นระทึกเพียงอย่างเดียว แต่ยังแทรกประเด็นทางสังคมและการเมืองไว้อย่างแยบยล โดยเฉพาะในเรื่องของ ศีลธรรม ความรับผิดชอบ และผลกระทบของการโกหกในระดับรัฐบาล

 ภาพจาก : Netflix

นอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นในหนังเรื่องนี้คือการถ่ายทอด เบื้องหลังการทำงานของพนักงานชินคันเซ็น ที่แสดงให้เห็นว่าการควบคุมรถไฟความเร็วสูงไม่ใช่เพียงแค่กดปุ่มให้รถวิ่งเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการคำนวณ การประสานงาน และความรับผิดชอบสูงสุดในทุกเสี้ยววินาที ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับคนดูไม่น้อย

เรียกว่า Bullet Train Explosion คือภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่าง แอ็กชัน ดราม่า  และ ความลุ้นระทึก ได้อย่างกลมกล่อม มันคือบทพิสูจน์ว่าแม้บนรางเหล็กที่ตรงยาวเส้นเดียว ชีวิตของมนุษย์ก็สามารถผกผันได้ตลอดเวลา  

รับชม Bullet Train Explosion  ได้ทาง Netflix