

สรุปข่าว
วันนี้ ( 21 มิ.ย. 66 )รองศาสตราจารย์ นายแพทย์วีรศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ หรือ "หมอหมู" อธิบายว่างานวิจัยดังกล่าวจากอังกฤษ ฟังดูแล้วน่าตกใจมาก เพราะยาระบายเป็นเรื่องใกล้ตัว ในสังคมไทยมีการใช้ยาดังกล่าวอย่างแพร่หลาย เพื่อช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ในบางคนอาจใช้ยานี้เพื่อลดความอ้วน หมอหมูอธิบายว่าตามหลักการแล้วยาระบายมีหลายชนิด โดยที่สำหรับยาระบายแบบ "เอ็มโอเอ็ม" หรือแบบดึงน้ำเข้ามาในลำไส้ ช่วยให้อุจาระเหลวและนุ่มขึ้น สามารถถ่ายได้ง่ายขึ้น ผู้ใช้มีความเสี่ยงสมองเสื่อมได้เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 60 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูง
แต่ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นคือ ยาระบายในกลุ่มเพิ่มใยอาหาร หรือยาสมุนไรที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ อาทิ มะขามแขก ซึ่งเรามักมองว่าเป็นยาที่ปลอดภัยเพราะเป็นสมุนไพรพื้นฐาน ปรากฏว่างานวิจัยระบุอย่างชัดเจนว่ายา 2 ชนิดหลังนี้ ผู้ใช้มีความเสี่ยงสมองเสื่อมมากถึงร้อยละ 90 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากๆ ฟังมาถึงตอนนี้แล้วหลายคนอาจตกใจ อย่างไรก็ตามหมอหมูย้ำว่าอย่าเพิ่งตกใจกันจนเกินไปเพราะงานวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงสมมุติฐานไม่ได้เป็นการสรุป
คุณหมอหมูย้ำว่าอย่าเพิ่งตกใจมากจนเกินไป เพราะงานวิจัยดังกล่าวยังไม่ใช่ข้อสรุป สิ่งสำคัญที่คุณหมอย้ำคือแม้ว่าเราจะมีอาการท้องผูกก็ตาม ย้ำว่าควรเดินทางไปพบหมอ เพื่อหาสาเหตุ หาต้นตอของปัญหา สิ่งที่ไม่ควรทำเลยคือการไปซื้อยาระบายมากินเองเพราะอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
ภาพจาก : AFP
ที่มาข้อมูล : -