
สรุปข่าว
หมอยง เผย 21 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ "ไวรัส RSV" ชี้เป็นโรคที่พบบ่อยมาก ทำให้เสียชีวิตได้ ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสรักษาจำเพาะ
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความในหัวข้อ ข้อควรรู้ เกี่ยวกับ RSV
ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์
โดยระบุว่า ข้อควรรู้ เกี่ยวกับ RSV
1. RSV เป็นไวรัสไม่ใช่โรคใหม่ รู้จักกันมานานร่วม 70 ปีแล้ว
2. เป็นไวรัสที่พบบ่อยมาก ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบ
3. พบได้ทุกอายุ แต่อาการจะมากในเด็กเล็ก (โดยเฉพาะน้อยกว่า 2 ขวบ) และผู้สูงอายุ
4 การติดเชื้อเช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจอืน ๆ พบระบาดในสถานเลี้ยงเด็ก เด็กที่อยู่รวมกัน โรงเรียน
5. ฤดูการที่พบในประเทศไทย เดือนมิถุนายน ถึงธันวาคม (ฝนถึงปลายฝนต้นหนาว)
6. มี 2 สายพันธ์ คือ RSV-A และ RSV-B
7 เป็นแล้วเป็นได้อีก หรืออาจเป็นได้ทุกปีในเด็กบางคนกว่าจะโตถึง 5 ปี เป็นถึง 4 ครั้ง
8. เป็น RSV-A ปีนี้ ปีหน้าก็เป็นสายพันธุ์เดียวกันได้ ภูมิที่เกิดขึ้นไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้
9 โรคส่วนใหญ่ไม่รุนแรง หายได้เอง มีบางคนที่อาจทำให้เกิดหลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) โดยเฉพาะเด็กเล็ก ทำให้มีอาการหอบ
10. การติดเชื้อนี้พบได้บ่อย อาการจะรุนแรงในเด็กเล็กโดยเฉพาะใน 6 เดือน แรกของชีวิต
11. สมัยก่อนเราไม่คอยได้พูดถึง เพราะไม่สามารถวินนิจฉัยได้ ปัจจุบันการตรวจหา RSV ทำได้ง่ายเหมือนการใช้ ATK ตรวจ Covid-19 ทำให้มีการวินิจฉัย และพูดถึงกันมาก และการตรวจทางชีวโมเลกุล รวมทั้ง จีโนมไวรัส ทำได้ง่ายขึ้น
12. ภูมิต้านทานจะส่งผ่านจากมารดา และจะหมดไปภายใน 6 เดือน
13. อายุที่พบบ่อยจึงตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป แต่ถ้าเป็นในเด็กเล็กกว่านี้ก็จะรุนแรงได้ โดยเฉพาะทารกแรกเกิด
14. โรคนี้ทำให้เสียชีวิตได้ แต่ในประเทศไทยเสียชีวิตจาก RSV พบว่าน้อยมาก ส่วนใหญ่ที่เสียมักเกิดในประเทศยากจน ที่มีการสาธารณสุขยังไม่ดี จึงเชื่อว่าทั่วโลก เสียชีวิตจาก RSV ปีละประมาณ 2 หมื่นราย
15. การดูแลรักษาเป็นการรักษาตามอาการ ทั่วไปจะหายกลับเป็นปกติภายใน 1 สัปดาห์ ในรายหอบให้ยาขยายหลอดลม พ่นยา
16. ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสรักษาจำเพาะ
17. การป้องกันทำได้เช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจทั่วไป
18. ยาที่ใช้ป้องกันจะมี monoclonal antibodies ที่ใช้ในกลุ่มเสี่ยงสูง ในช่วงการระบาดของโรค เช่นทารกคลอดก่อนกำหนด และมีการระบาดเกิดขึ้น
19. วัคซีนยังไม่มีในประเทศไทย ทางตะวันตกมีวัคซีนและให้ในผุ้สูงอายุ และมีการศึกษาอยุ่ในสตรีตั้งครรภ์ หวังป้องกันทารกแรกเกิดขึงไม่มีวัคซีนใช้ในเด็ก
20. ไม่มีหลักฐานการใช้ montelukast ใน RSV แล้วลดอาการหรือนอนในโรงพยาบาล และป้องกันการเกิดหอบหืด
21. การติดเชื้อ RSV ก็ไม่เกี่ยวกัน กับว่าหลังเป็น RSV แล้ว RSV จะทำให้เกิดโรคหอบหือเรื้อรัง (ประชากรผู้ใหญ่เกือบทั้งหมดเชื่อว่าเคยติดเชื้อ RSV มาแล้วทั้งนั้น จำนวนกีครั้งเท่านั้น)
ไวรัส RSV คืออะไร?
ไวรัส RSV เป็นไวรัสชนิดที่มีเปลือกหุ้ม มีชื่อเต็มว่า Respiratory syncytial virus เป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สาเหตุมาจากไข้หวัด หลอดลมอักเสบ ซึ่งพบได้บ่อยในเด็ก ส่วนมากอาการไม่รุนแรง มักหายป่วยภายใน 1 – 2 สัปดาห์ แต่อาจจะพบว่ามีอาการรุนแรงได้ในเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี เด็กคลอดก่อนกำหนด เด็กที่เป็นโรคหัวใจ หรือโรคปอดร่วมด้วย นอกจากนี้การติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีในผู้สูงอายุ อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงเช่นเดียวกับเด็กเล็กได้
อาการของการติดเชื้อไวรัส RSV
ผู้ป่วยมักจะมีอาการ 4 - 6 วันหลังได้รับเชื้อ อาการโดยทั่วไปอาจเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่อาการจำเพาะของเชื้อนี้ที่มักพบในเด็กเล็กคือ หลอดลมฝอยอักเสบ ซึ่งจะทำให้เด็กมีอาการคล้ายหอบหืด อาการที่พบมีดังนี้
- มีไข้ ไอ จาม และน้ำมูก
- รับประทานอาหารได้น้อยลง
- หายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม ได้ยินเสียงปอดผิดปกติ เสียงหายใจดังวี้ด
- อาจจะพบอาการร้องกวน ซึมลง ในเด็กทารก
วิธีการป้องกัน
ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV แต่เราสามารถป้องกันได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วย
- ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่และน้ำสะอาด ควรสอนให้เด็กๆล้างมืออย่างถูกต้อง และรักษาสุขอนามัย
- หลีกเลี่ยงการไปสถานที่ที่แออัด ไม่ควรพาเด็กไปเล่นในที่ๆมีเด็กเล่นอยู่ด้วยกันจำนวนมาก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงในขณะที่มีการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีได้
- ผู้ป่วยควรงดการออกนอกบ้านช่วงที่ไม่สบายเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น และควรปิดปากปิดจมูกเวลาไอจาม
ที่มา Yong Poovorawan / รพ.ศิริราชฯ
ภาพจาก Getty Images
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand