"ศิริราช" รับรักษาหญิงหนัก 300 กก. ป่วยโรคอ้วนขั้นรุนแรง โดยใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดกระเพาะ

"ศิริราช" รับรักษาหญิงหนัก 300 กก. ป่วยโรคอ้วนขั้นรุนแรง โดยใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดกระเพาะ

ที่โรงพยาบาลศิริราช ศ.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ร่วมรับผู้ป่วยหญิงอายุ 36 ปี จาก จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งป่วยด้วยโรคอ้วนขั้นรุนแรงน้ำหนักตัวมากกว่า 300 กิโลกรัม โดยได้รับการรักษาอาการเบื้องต้นที่ รพ.สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง ชินวราลงกรณ (วาสนมหาเถร) ปัจจุบันอาการคงที่ ทีม รพ.ศิริราชและรพ.สมเด็จพระสังฆราชฯได้วางแผนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยรายดังกล่าวมารับการรักษาต่อที่รพ.ศิริราช โดยได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยรถพยาบาลฉุกเฉินจากหน่วยกู้ชีพ “กู้ภัยอยุธยา” จากจ.พระนครศรีอยุธยา มาที่รพ.ศิริราช  โดยมี ผศ.นพ.วรบุตร ทวีรุจจนะ ประธานศูนย์โรคอ้วนเมตะบอลิสมศิริราช และอาจารย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล  พร้อมพ่อและแม่เดินทางมาพร้อมกับผู้ป่วยด้วย 

สรุปข่าว

ที่โรงพยาบาลศิริราช ศ.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ร่วมรับผู้ป่วยหญิงอายุ 36 ปี จาก จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งป่วยด้วยโรคอ้วนขั้นรุนแรงน้ำหนักตัวมากกว่า 300 กิโลกรัม โดยได้รับการรักษาอาการเบื้องต้นที่ รพ.สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง ชินวราลงกรณ (วาสนมหาเถร) ปัจจุบันอาการคงที่ ทีม รพ.ศิริราชและรพ.สมเด็จพระสังฆราชฯได้วางแผนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยรายดังกล่าวมารับการรักษาต่อที่รพ.ศิริราช โดยได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยรถพยาบาลฉุกเฉินจากหน่วยกู้ชีพ “กู้ภัยอยุธยา” จากจ.พระนครศรีอยุธยา มาที่รพ.ศิริราช  โดยมี ผศ.นพ.วรบุตร ทวีรุจจนะ ประธานศูนย์โรคอ้วนเมตะบอลิสมศิริราช และอาจารย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล  พร้อมพ่อและแม่เดินทางมาพร้อมกับผู้ป่วยด้วย 

ศ.นพ.ยงยุทธ เปิดเผยว่า จากการประเมินอาการเบื้องต้นผู้ป่วยรู้สึกตัวดี สัญญาณชีพปกติ อาจจะมีอาการเหนื่อยเล็กน้อยจากการเดินทางที่ต้องนอนคว่ำ  โดยผู้ป่วยได้ใส่หน้ากากแรงดันเพิ่มออกซิเจนมาตลอดทาง ได้พูดคุยกับผู้ป่วยสามารถโต้ตอบได้ มีสีหน้ายิ้มแย้มและดีใจที่ได้เข้ามารักษาที่ รพ.ศิริราช ซึ่งทีมแพทย์ รพ.ศิริราชจะทำการรักษาอย่างดีที่สุด โดยความร่วมมือจากทีมแพทย์ทุกสาขาวิชาชีพที่จะต้องวางแผนการรักษาให้ลุล่วง


ทั้งนี้ รพ.มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์รักษาผู้ป่วยที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัมขึ้นไปมาแล้วจำนวนหลายราย โดยรายนี้ที่มีน้ำหนักเกิน 300 กิโลกรัมขึ้นไป  ถือเป็นรายที่ 2 ที่รพ.รักษา รายแรกเป็นผู้ป่วยชายน้ำหนักตัวมากกว่า 300 กิโลกรัมที่เข้ารักษาเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ใช้ระยะเวลา 1 ปีสามารถลดน้ำหนักจนเหลือ 90 กิโลกรัม ปัจจุบันใช้ชีวิตได้ปกติ ทั้งยังลดภาวะโรคแทรกซ้อนต่างๆ เหมือนได้ชีวิตใหม่

ด้าน ผศ.นพ.วรบุตร  กล่าวว่า ผู้ป่วยหญิงรายนี้มีภาวะอ้วนขั้นรุนแรง และมีภาวะผิดปกติด้านการหายใจ และหัวใจ  เคยมีภาวะหัวใจหยุดเต้นเมื่อ2ปีที่แล้ว แต่สามารถกู้สัญญาณชีพกลับมาได้ จึงต้องเข้ารับการรักษาอย่างจริงจัง โดยได้วางแผนการรักษา เป็น2 ระยะ ระยะแรก 1-2 เดือนเป็นการประเมินอาการผู้ป่วยและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ  จะมีการเจาะเลือดตรวจอย่างละเอียด เพื่อดูภาวะต่างๆของร่างกายเช่น ปอด หัวใจ รวมถึงประเมินการนอนหลับด้วย 


เบื้องต้นตั้งเป้าลด 50 กิโลกรัม เพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะในระยะที่ 2 และอาจจะตัดลำไส้เล็กให้สั้นลงบางส่วนเพื่อลดการดูดซึมอาหาร สามารถทำให้น้ำหนักของผู้ป่วยลดลงได้ โดยเคสนี้จะใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยผ่าตัด ซึ่งมีความแม่นยำและปลอดภัยสูง เนื่องจากผนังหน้าท้องของผู้ป่วยมีลักษณะหนา หลังจากการผ่าตัดคาดว่า น้ำหนักของผู้ป่วยจะลงอย่างต่อเนื่องใช้ระยะเวลาเฉลี่ย 6-12 เดือน


ผศ.นพ.วรบุตร  กล่าวเสริมว่า สาเหตุของภาวะอ้วนมาจากหลายสาเหตุแต่ปัจจัยหลัก ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมส่วนบุคคลใน การรับประทานอาหาร และออกกำลังกายที่ไม่สม่ำเสมอ ส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกายที่ไม่สมดุล  นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากฮอร์โมนที่ผิดปกติ และพันธุกรรม  ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ต้องประเมินหาสาเหตุนอกจากพฤติกรรมแล้วจะมีปัจจัยจากฮอร์โมนหรือพันธุกรรมอย่างไรหรือไม่  นอกจากนี้ต้องมีการฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้ป่วยด้วยเนื่องจากผู้ป่วยในกลุ่มที่มีภาวะอ้วนมักจะมีภาวะความเครียด ความไม่มั่นใจ การใช้ชีวิตในสังคม จะมีทีมจิตแพทย์ของทางรพ.เข้าร่วมประเมินอาการและรักษาด้วย

ที่มาข้อมูล : TNN16

ที่มารูปภาพ : TNN16

avatar

TNNThailand