โรคกลัวการกระพริบตา รักษาได้หรือไม่? ความกลัวแปลก ๆ ที่มีอยู่จริง

โรคกลัวการกระพริบตา รักษาได้หรือไม่? ความกลัวแปลก ๆ ที่มีอยู่จริง

นพ.เจษฎา ทองเถาว์ แพทย์เฉพาะทางสาขาจิตเวชศาสตร์ จิตแพทย์ประจำ รพ.พระศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา" เกี่ยวกับคำถาม เป็นโรคกลัวการกระพริบตา รักษาได้ไหม? โดยระบุว่า


“ผมกลัวการกระพริบตา ทุกครั้งที่รู้สึกถึงมัน ผมจะหมกมุ่นจนหยุดคิดเรื่องอื่นไม่ได้เลย” เป็นประโยคที่หมอเคยได้ยินจากคนไข้ที่มีอาการ OCD (Obsessive-Compulsive Disorder) รูปแบบหนึ่ง ที่เรียกว่า Somatic OCD ซึ่งเป็นอาการที่หลายคนอาจไม่รู้จักและเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับคนที่เผชิญกับมัน...มันคือเสียงในหัวที่ดังไม่หยุด และรู้สึกเหมือนหลุดออกจากชีวิตปกติไม่ได้เลย


เข้าใจ Somatic OCD (OCD) รูปแบบนี้ไม่ได้หมกมุ่นกับความสะอาดหรือตัวเลข แต่หมกมุ่นกับการรับรู้ร่างกายของตัวเอง เช่น

- การกระพริบตา

- การหายใจ

- การกลืนน้ำลาย

คนไข้มักติดอยู่กับความคิดว่า “ทำไมเรารู้สึกถึงสิ่งนี้ตลอดเวลา?” จนเกิดความกลัวว่า “มันจะอยู่กับเราตลอดไป”

สรุปข่าว

คนทั่วไปกระพริบตาประมาณ 15–20 ครั้งต่อนาที โดยไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เมื่อเราคอยเฝ้าสังเกตมันมากเกินไป สมองจะนำความรู้สึกนั้นเข้าสู่โฟกัสแบบควบคุมไม่ได้ ทำให้ติดอยู่กับความคิดแบบ loop และปล่อยวางไม่ได้ง่าย

นพ.เจษฎา ทองเถาว์ แพทย์เฉพาะทางสาขาจิตเวชศาสตร์ จิตแพทย์ประจำ รพ.พระศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา" เกี่ยวกับคำถาม เป็นโรคกลัวการกระพริบตา รักษาได้ไหม? โดยระบุว่า


“ผมกลัวการกระพริบตา ทุกครั้งที่รู้สึกถึงมัน ผมจะหมกมุ่นจนหยุดคิดเรื่องอื่นไม่ได้เลย” เป็นประโยคที่หมอเคยได้ยินจากคนไข้ที่มีอาการ OCD (Obsessive-Compulsive Disorder) รูปแบบหนึ่ง ที่เรียกว่า Somatic OCD ซึ่งเป็นอาการที่หลายคนอาจไม่รู้จักและเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับคนที่เผชิญกับมัน...มันคือเสียงในหัวที่ดังไม่หยุด และรู้สึกเหมือนหลุดออกจากชีวิตปกติไม่ได้เลย


เข้าใจ Somatic OCD (OCD) รูปแบบนี้ไม่ได้หมกมุ่นกับความสะอาดหรือตัวเลข แต่หมกมุ่นกับการรับรู้ร่างกายของตัวเอง เช่น

- การกระพริบตา

- การหายใจ

- การกลืนน้ำลาย

คนไข้มักติดอยู่กับความคิดว่า “ทำไมเรารู้สึกถึงสิ่งนี้ตลอดเวลา?” จนเกิดความกลัวว่า “มันจะอยู่กับเราตลอดไป”

กลไกเบื้องหลังความกลัวการกระพริบตา

คนทั่วไปกระพริบตาประมาณ 15–20 ครั้งต่อนาที โดยไม่รู้สึกอะไรเลย

แต่เมื่อเราคอยเฝ้าสังเกตมันมากเกินไป สมองจะนำความรู้สึกนั้นเข้าสู่โฟกัสแบบควบคุมไม่ได้ ทำให้ติดอยู่กับความคิดแบบ loop และปล่อยวางไม่ได้ง่าย


วิธีรับมือเบื้องต้น (ที่ใช้ได้จริง)

1. เข้าใจว่า“ความกลัวนี้ไม่ใช่ความผิดของเรา” อาการนี้ไม่ได้แปลว่าเราแปลก แต่คือการตอบสนองของสมองที่ไวเกินไป ซึ่งสามารถรักษาได้

2. หลีกเลี่ยงการตรวจสอบหรือรีเซ็ตการกระพริบตาซ้ำๆ 

ยิ่งเราพยายามควบคุมการกระพริบตาให้รู้สึกถูกต้องหรือเท่ากันเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้อาการฝังแน่น ควรหัดปล่อยให้มันเกิดโดยไม่ตอบสนอง

3. ใช้เทคนิค Exposure and Response Prevention (ERP)  เป็นวิธีการรักษาหลักของOCD โดยค่อยๆ ให้สมองสัมผัสกับความรู้สึกไม่สบาย และฝึกไม่ตอบสนองบ้าง เช่น ลองอยู่ในที่ๆต้องใช้สายตาแต่ไม่พยายามหยุดการกระพริบ ฝึกวันละเล็กๆ จนสมองเรียนรู้ว่า “ความรู้สึกไม่สบายนี้ไม่ได้อันตราย”

4. ฝึก Mindfulness + Grounding เช่น หายใจลึกๆ แล้วจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เช่น เสียงนกร้อง ลมที่พัดผ่าน จะช่วยลดการจมกับความคิดรบกวน

5. รักษาด้วยยาหรือ CBT หากอาการรบกวนการใช้ชีวิต : ยาในกลุ่ม SSRIs เช่น Fluoxetine หรือ Sertraline ร่วมกับการทำ CBT ช่วยลดอาการหมกมุ่นได้ดีในผู้ป่วย OCD

เรื่องเล่าจากห้องตรวจ

มีน้องวัยมัธยมคนหนึ่งที่มาหาหมอด้วยอาการ “กลัวการหายใจ” ในช่วงสอบ

เขาบอกว่า “หนูรู้สึกว่าการหายใจมันชัดเกินไป จนหนูรู้สึกแปลก เหมือนมันไม่ใช่ของหนู” แต่หลังจากได้ทำ CBT ร่วมกับการหัดอยู่กับความรู้สึกนั้นแบบไม่หนี เขากลับมาทำกิจกรรมได้ปกติ และสอบผ่านอย่างไม่น่าเชื่อ

หมอถามเขาว่า “อะไรที่ช่วยได้มากที่สุด?”

เขาตอบว่า “แค่รู้ว่ามันเป็นอาการที่มีชื่อเรียก หนูก็สบายใจขึ้นเยอะแล้วครับ”