
เราอยู่ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทกับเราในหลายๆ ด้าน ล่าสุดมีงานวิจัยพบประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของAI โดยมันสามารถเป็นเครื่องมือบำบัดสภาพจิตใจอย่างดี เพราะแค่ได้ตะโกนใส่แชทบอทAI ก็สามรถทำให้คนๆ นั้นอารมณ์ดีขึ้นได้แล้ว
นักวิจัยด้านจิตวิทยาชาวสิงคโปร์ ชื่อว่า เหม่ยหลาน หู กล่าวว่า ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีแชทบอทAI เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอสงสัยว่า เธอสามารถใช้มันเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ที่อาจช่วยทำให้ผู้คนรู้สึกดีขึ้นได้หรือไม่
งานวิจัยของเธอได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Applied Psychology: Health and Well-Being ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาการใช้แชทบอทAI ไม่ใช่ในฐานะนักบำบัดทางการแพทย์ แต่เป็นเหมือนกระดานสะท้อนเสียงที่ผู้คนสามารถระบายความหงุดหงิดและความวิตกกังวลได้
พื้นฐานของมนุษย์เมื่อได้พูดคุยเกี่ยวกับความหงุดหงิด หรือบ่นให้ใครสักคนฟัง เหมือน ก็เหมือนกับได้รับการปลอบใจ ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวที่มีดีขึ้น
เพื่อทดสอบสมมติฐานนี้ เหม่ยหลาน ได้สรรหานักศึกษามหาวิทยาลัยชาวสิงคโปร์ 150 คน จากนั้นแบ่งพวกเขาออกเป็นกลุ่ม ให้ทำการระบายอารมณ์ผ่านการสนทนาข้อความไปมากับแชทบอท AI ที่ออกแบบมาให้มี "ความเห็นอกเห็นใจ"
ส่วนอีกกลุ่มให้เขียนเรื่องปัญหาของตนลงในบันทึกประจำวัน
สรุปข่าว
เราอยู่ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทกับเราในหลายๆ ด้าน ล่าสุดมีงานวิจัยพบประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของAI โดยมันสามารถเป็นเครื่องมือบำบัดสภาพจิตใจอย่างดี เพราะแค่ได้ตะโกนใส่แชทบอทAI ก็สามรถทำให้คนๆ นั้นอารมณ์ดีขึ้นได้แล้ว
นักวิจัยด้านจิตวิทยาชาวสิงคโปร์ ชื่อว่า เหม่ยหลาน หู กล่าวว่า ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีแชทบอทAI เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอสงสัยว่า เธอสามารถใช้มันเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ที่อาจช่วยทำให้ผู้คนรู้สึกดีขึ้นได้หรือไม่
งานวิจัยของเธอได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Applied Psychology: Health and Well-Being ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาการใช้แชทบอทAI ไม่ใช่ในฐานะนักบำบัดทางการแพทย์ แต่เป็นเหมือนกระดานสะท้อนเสียงที่ผู้คนสามารถระบายความหงุดหงิดและความวิตกกังวลได้
พื้นฐานของมนุษย์เมื่อได้พูดคุยเกี่ยวกับความหงุดหงิด หรือบ่นให้ใครสักคนฟัง เหมือน ก็เหมือนกับได้รับการปลอบใจ ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวที่มีดีขึ้น
เพื่อทดสอบสมมติฐานนี้ เหม่ยหลาน ได้สรรหานักศึกษามหาวิทยาลัยชาวสิงคโปร์ 150 คน จากนั้นแบ่งพวกเขาออกเป็นกลุ่ม ให้ทำการระบายอารมณ์ผ่านการสนทนาข้อความไปมากับแชทบอท AI ที่ออกแบบมาให้มี "ความเห็นอกเห็นใจ"
ส่วนอีกกลุ่มให้เขียนเรื่องปัญหาของตนลงในบันทึกประจำวัน
หลังจากพักหนึ่งสัปดาห์ บทบาทของนักศึกษาก็ถูกสลับกัน โดยกลุ่มที่ใช้แชทบอทจะมาเขียนบันทึก
ในระหว่างการสลับบทบาท ผู้เข้าร่วมจะถูกขอให้กรอกแบบสำรวจเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง เน้นที่การให้คะแนนความรู้สึกเหงา ความเครียด และการรับรู้การสนับสนุนทางสังคม
ผลลัพธ์พบว่า นักศึกษาที่มีอารมณ์ลบ เช่น ความกลัวและความโกรธ ก่อนทำการวิจัย แต่หลังจากได้ตอบโต้กับแชทบอท AI พวกเขารู้สึกดีขึ้น และรู้สึกดีกว่า การเขียนบันทึกทั่วๆ ไป
ที่น่าสนใจคือ พวกเขายังพบว่ามีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างการระบายกับแชทบอทและการเขียนบันทึก เมื่ออารมณ์อยู่ในระดับต่ำ เช่น เศร้าหรือเหงา
เหม่ยหลาน กล่าวว่า แม้ว่าแชทบอท AI จะไม่สามารถทดแทนการตอบสนองระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ได้ แต่ผลการวิจัยก็แสดงให้เห็นว่าการระบายกับแชทบอท AI อาจช่วยบรรเทาความรู้สึกอย่างความโกรธหรือความกลัวได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างขาดไม่ถึงเลยทีเดียว