งานวิจัยเผย ผู้หญิงที่ประกอบอาชีพอิสระ เสี่ยงเกิดโรคหัวใจ ได้น้อยกว่าผู้หญิงที่ทำงานในระบบลูกจ้าง

งานวิจัยเผย ผู้หญิงที่ประกอบอาชีพอิสระ เสี่ยงเกิดโรคหัวใจ ได้น้อยกว่าผู้หญิงที่ทำงานในระบบลูกจ้าง

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก หมอหมู วีระศักดิ์ ระบุว่า


 สตรีที่ประกอบอาชีพอิสระ มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยกว่า


งานวิจัยนี้นำเสนอผลการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าผู้หญิงที่ประกอบอาชีพอิสระ (self-employed) มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าผู้หญิงที่ทำงานในระบบลูกจ้าง (employee status)


จากข้อมูลในงานวิจัยพบว่า

1. ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของกิจการหรือทำงานอิสระ มีแนวโน้มจะมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เช่น การไม่สูบบุหรี่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการควบคุมความเครียดได้ดีกว่า

2. ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของกิจการหรือทำงานอิสระ มีระดับ BMI (ดัชนีมวลกาย) และระดับ คอเลสเตอรอล อยู่ในเกณฑ์ดีกว่ากลุ่มลูกจ้าง

3. มีความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นอิสระในการทำงานและการควบคุมไลฟ์สไตล์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้

สรุปข่าว

งานวิจัยนี้นำเสนอผลการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าผู้หญิงที่ประกอบอาชีพอิสระ (self-employed) มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าผู้หญิงที่ทำงานในระบบลูกจ้าง (employee status) เพราะมีความเป็นอิสระในการควบคุมไลฟ์สไตล์

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก หมอหมู วีระศักดิ์ ระบุว่า


 สตรีที่ประกอบอาชีพอิสระ มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยกว่า


งานวิจัยนี้นำเสนอผลการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าผู้หญิงที่ประกอบอาชีพอิสระ (self-employed) มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าผู้หญิงที่ทำงานในระบบลูกจ้าง (employee status)


จากข้อมูลในงานวิจัยพบว่า

1. ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของกิจการหรือทำงานอิสระ มีแนวโน้มจะมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เช่น การไม่สูบบุหรี่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการควบคุมความเครียดได้ดีกว่า

2. ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของกิจการหรือทำงานอิสระ มีระดับ BMI (ดัชนีมวลกาย) และระดับ คอเลสเตอรอล อยู่ในเกณฑ์ดีกว่ากลุ่มลูกจ้าง

3. มีความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นอิสระในการทำงานและการควบคุมไลฟ์สไตล์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้

ข้อเสนอแนะจากงานวิจัย คือ การสนับสนุนให้ผู้หญิงมีโอกาสทำงานแบบยืดหยุ่นหรืออิสระมากขึ้น อาจเป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจได้

ปล. ข้อมูลทั้งหมดที่ผมนำเสนอมีการอ้างอิงแหล่งที่มาชัดเจนและผมได้พยายามอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ แต่บางครั้งอาจมีการโต้แย้งในข้อมูล ซึ่งเป็นเรื่องปกติในแวดวงวิชาการ ดังนั้นจึงขอเรียนทุกท่านว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบทความของผม และควรหาข้อมูลเพื่มเติมเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง ด้วยนะครับ