
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยนั่งอยู่เผลอๆ ก็กัดเล็บ แกะริมฝีปาก อย่างไม่รู้ตัว มารู้อีกก็ได้แผลเลือดซึมไปแล้ว พฤติกรรมเหล่านี้ดูเผินๆ อาจเหมือนไม่อันตราย แต่จริงๆ แล้ว กำลังเป็นอาการที่บ่งบอกว่าคุณเข่าข้ายเป็น "โรคแกะผิวหนัง" ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่ส่งผลร้ายแรงมากกว่าที่เราคิด หากไม่รีบรักษาก็อาจบานปลายนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงกว่าเดิม เช่น โรคซึมเศร้า หรือ ภาวะเครียดสะสม
สรุปข่าว
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยนั่งอยู่เผลอๆ ก็กัดเล็บ แกะริมฝีปาก อย่างไม่รู้ตัว มารู้อีกก็ได้แผลเลือดซึมไปแล้ว พฤติกรรมเหล่านี้ดูเผินๆ อาจเหมือนไม่อันตราย แต่จริงๆ แล้ว กำลังเป็นอาการที่บ่งบอกว่าคุณเข่าข้ายเป็น "โรคแกะผิวหนัง" ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่ส่งผลร้ายแรงมากกว่าที่เราคิด หากไม่รีบรักษาก็อาจบานปลายนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงกว่าเดิม เช่น โรคซึมเศร้า หรือ ภาวะเครียดสะสม
โรคแกะผิวหนังคืออะไร?
โรคแกะผิวหนัง หรือ Excoriation disorder หรือ Skin-picking disorder จัดเป็นภาวะสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับโรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder หรือ OCD) แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำจนพัฒนาไปเป็นโรคนี้
อาการของผู้ป่วยโรคแกะผิวหนัง ไม่ใช่การแกะสะเก็นผิวเฉยๆ แต่ต้องมีอาการเสพติด หรือ แกะผิวหนังแม้จะไม่มีสะเก็ดหรือบาดแผล จนเกิดเป็นแผลใหม่ๆ บางคนใช้เวลาแกะผิวหนังอยู่นานวันละหลายชั่วโมง ก็เข้าข่ายเป็นโรคนี้เช่นเดียวกัน
พบได้บ่อยแค่ไหน
จากการศึกษาในต่างประเทศ พบโรคแกะผิวหนังได้ประมาณร้อยละ 1-5 ในประชากรทั่วไป โดยพบว่าผู้หญิงเป็นบ่อยกว่าผู้ชาย
อาการของโรคแกะผิวหนัง
หากแกะผิวหนังเป็นครั้งคราวคงไม่เป็นไร แต่พฤติกรรมเหล่านี้กำลังบ่งบอกว่าคุณหรือคนรอบข้างที่มีพฤติกรรมเดียวกันนี้ อาจเป็นโรคแกะผิวหนัง
- ไม่สามารถหยุดแกะเก็บผิวหนังได้
- เกาจนเกิดบาดแผล เลือดออก หรือรอยช้ำจากการแกะเก็บผิวหนัง แต่ก็ไม่หยุดเกา หรือไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
- เมื่อเห็นแผลใหม่ๆ บนร่างกาย ที่ขรุขระไม่ส่วนงาม มักทนไม่ได้ จะพยายาม "ทำให้เรียบ" หรือ "สมบูรณ์แบบ"
- ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเกา หรือแกะผิวหนังอยู่
- มักแกะเก็บผิวหนังเมื่อรู้สึกวิตกกังวลหรือเครียด หรือ ใช้ความรู้สึกพอใจ ที่รู้สึกหลังจากได้แกะผิวหนังเพื่อบำบัดความเครียด
- แกะผิวหนัง เมื่ออารมณ์ไม่ดี ทำให้ยิ่งช่วงไหนมีเรื่องเครียดพฤติกรรมการแกะก็ยิ่งบ่อยมากขึ้น
ตำแหน่งของแผลที่พบบ่อยที่สุดได้แก่บริเวณใบหน้า ส่วนบริเวณอื่นที่พบรองๆ ลงมาได้แก่ แขน ขา มือ เท้า และหนังศีรษะ
สิ่งที่น่ากังวลของผู้ป่วยโรคนี้คือ ส่วนใหญ่มักไม่ไปหาหมอ จะไปหาก็ต่อเมื่อแผลใหญ่จริงๆ แล้ว
การรักษาโรค
เนื่องจากโรคนี้พึ่งมีเกณฑ์การวินิจฉัยมาไม่นาน ข้อมูลการศึกษาวิจัยในโรคนี้จึงยังค่อนข้างมีน้อยอยู่เมื่อเทียบกับโรคทางจิตเวชอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่ายาต้านเศร้ากลุ่ม serotonin reuptake inhibitor น่าจะมีประสิทธิภาพในการลดพฤติกรรมการแกะได้
ส่วนการรักษาโดยไม่ใช้ยาพบการทำจิตบำบัดแบบ cognitive behavioral therapy และการทำพฤติกรรมบำบัดชนิด habit reversal มีประสิทธิภาพในการรักษา นอกจากนี้การรักษากับแพทย์ด้านผิวหนังไปด้วยก็จะช่วยให้รอยแผลหายได้เร็วยิ่งขึ้น
ที่มาข้อมูล : hellokhunmor, สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
ที่มารูปภาพ : Envato