
นายแพทย์สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า โรคไขมันพอกตับ (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease: NAFLD) เป็นปัญหาสุขภาพที่มีความสำคัญในประเทศไทย เนื่องจากแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคอ้วน เบาหวาน และโรคเมตาบอลิกซินโดรม มีสาเหตุจากการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลสูง, ไม่ออกกำลังกาย และภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับ โดยภาวะไขมันพอกตับมักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่หากไม่ได้รับการดูแลและรักษา อาจนำไปสู่ภาวะของโรคที่ร้ายแรงขึ้น เช่น ตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ ดังนั้นการเข้ารับการตรวจภาวะไขมันพอกตับ เพื่อตรวจและเข้ารับการรักษาโรคที่เกี่ยวกับตับตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจึงเป็นเรื่องสำคัญ
สรุปข่าว
นายแพทย์สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า โรคไขมันพอกตับ (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease: NAFLD) เป็นปัญหาสุขภาพที่มีความสำคัญในประเทศไทย เนื่องจากแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคอ้วน เบาหวาน และโรคเมตาบอลิกซินโดรม มีสาเหตุจากการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลสูง, ไม่ออกกำลังกาย และภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับ โดยภาวะไขมันพอกตับมักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่หากไม่ได้รับการดูแลและรักษา อาจนำไปสู่ภาวะของโรคที่ร้ายแรงขึ้น เช่น ตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ ดังนั้นการเข้ารับการตรวจภาวะไขมันพอกตับ เพื่อตรวจและเข้ารับการรักษาโรคที่เกี่ยวกับตับตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการตรวจภาวะไขมันพอกตับอย่างเครื่อง “Liver Fibrosis Scan”เพื่อประเมินสภาพของตับและผังพืดในตับ มีความพิเศษตรงที่ไม่ต้องเจาะตับเพื่อตรวจสภาพตับ
หลักการทำงานของเครื่อง Liver Fibrosis Scan
การวัดความแข็งของตับ : เครื่องจะส่งคลื่นความถี่ต่ำเข้าสู่ตับ และวัดความเร็วของคลื่นที่สะท้อนกลับ เพื่อประเมินความแข็งของเนื้อตับ
การวัดปริมาณไขมันในตับ : ใช้เทคนิค Controlled Attenuation Parameter (CAP) โดยวัดการลดทอนของคลื่นเสียงที่ผ่านเนื้อตับ เพื่อประเมินปริมาณไขมันสะสม
การตรวจด้วยเครื่อง Liver Fibrosis Scan จะปล่อยคลื่นเสียงเข้าสู่ตับ และใช้เวลาตรวจเพียง 5-10 นาทีเท่านั้น ผู้ป่วยจะรู้สึกสั่นสะเทือนเล็กน้อยบริเวณที่ตรวจ ข้อดีของการตรวจด้วยเครื่องนี้ คือ ลดความเสี่ยงจากการใช้เข็มเจาะตับและลดความเจ็บปวด ปลอดภัยจากการใช้รังสีหรือสารทึบแสง ทำให้สามารถตรวจซ้ำได้บ่อยครั้ง ที่สำคัญคือใช้เวลาตรวจสั้นและทราบผลทันที หลังการตรวจสามารถกลับบ้านและทำกิจกรรมได้ตามปกติ นับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการประเมินสุขภาพตับ ช่วยให้ทีมแพทย์สามารถวางแผนการรักษาและติดตามผลได้อย่างเหมาะสม ร่วมกับการปรับพฤติกรรมตั้งแต่ระยะแรกและลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
การตรวจประเมินตับ ไม่จำเป็นต้องมีอาการหรือปัจจัยเสี่ยงภาวะไขมันพอกตับก็สามารถตรวจสุขภาพตับได้เหมือนการตรวจสุขภาพทั่วไป การตรวจด้วยเครื่อง Liver Fibrosis Scan มีข้อดีคือไม่ต้องเจาะชิ้นเนื้อ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินและติดตามสุขภาพตับในผู้ป่วยหลายกลุ่ม โดยมีความสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของภาวะโรคไขมันพอกตับที่อาจนำไปสู่ภาวะมะเร็งตับ
- ทางเลือกใหม่รักษามะเร็งตับ ด้วยวิธีการฉีดสารกัมมันตรังสีผ่านหลอดเลือดแดง
- 5 สัญญาณเตือน! สุขภาพตับที่ไม่ดี ตั้งแต่เบื่ออาหาร จนถึงรอยดำบนใบหน้า
- ข่าวนี้จริงไหม.....ไวรัสตับอักเสบบี รู้เร็วรักษา ลดเสี่ยงมะเร็งตับ ?
- 3 สาเหตุของตับอักเสบ ปล่อยไว้ระวังมะเร็งตับ
- หายจากไขมันพอกตับแน่แค่ทำ 3 วิธีนี้
- ชี้สุขภาพคนไทย 3 เดือนก่อนสิ้นปี 67 แย่ลง เฝ้าระวังมะเร็งตับ โรคทางเพศสัมพันธ์
- เจาะสถิติสูงชัน! มะเร็งตับ คร่าชีวิตคนไทย 21.4% ของมะเร็งทั้งหมด
ที่มาข้อมูล : นายแพทย์สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลเวชธานี
ที่มารูปภาพ : Canva
