ใครเป็นบ้าง นั่งรถไฟฟ้าเมาง่ายกว่ารถน้ำมัน เรื่องจริงการศึกษาชี้

ใครเป็นบ้าง นั่งรถไฟฟ้าเมาง่ายกว่ารถน้ำมัน  เรื่องจริงการศึกษาชี้

ผู้โดยสารจำนวนมากเริ่มบ่นว่า เวลานั่งรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV กลับรู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้ หรือเมารถมากกว่าปกติ ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ยืนยันแล้วว่า อาการนี้มีสาเหตุทางวิทยาศาสตร์ และเกิดขึ้นจริง เพราะจากผลการศึกษาพบว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” ทำให้เมารถมากกว่ารถน้ำมัน งานวิจัยของ University of California พบว่า อาการเมารถใน EV เกิดมากกว่ารถน้ำมันถึงร้อยละ 30

ขณะที่การทดลองใน มหาวิทยาลัยฮ่องกง ระบุว่า การใช้ระบบ regenerative braking ระดับสูง ทำให้โอกาสเมารถเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

ด้าน Dr. D.J. Verret แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสตศอนาสิก ยืนยันว่า “ความเงียบและการตอบสนองรวดเร็วของ EV ทำให้ผู้โดยสารบางคนเกิดอาการเวียนหัวได้ง่าย

สรุปข่าว

แม้ EV จะเป็นอนาคตของยานยนต์ แต่ผู้โดยสารบางคนต้องใช้เวลาปรับตัวกับรูปแบบการขับและระบบเบรกเฉพาะตัวของมัน การเข้าใจสาเหตุและปรับพฤติกรรมทั้งคนขับและผู้โดยสาร จะช่วยให้การเดินทางด้วย EV สบายขึ้น และไม่ต้องกังวลกับอาการเมารถมากเกินไป

ผู้โดยสารจำนวนมากเริ่มบ่นว่า เวลานั่งรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV กลับรู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้ หรือเมารถมากกว่าปกติ ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ยืนยันแล้วว่า อาการนี้มีสาเหตุทางวิทยาศาสตร์ และเกิดขึ้นจริง เพราะจากผลการศึกษาพบว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” ทำให้เมารถมากกว่ารถน้ำมัน งานวิจัยของ University of California พบว่า อาการเมารถใน EV เกิดมากกว่ารถน้ำมันถึงร้อยละ 30

ขณะที่การทดลองใน มหาวิทยาลัยฮ่องกง ระบุว่า การใช้ระบบ regenerative braking ระดับสูง ทำให้โอกาสเมารถเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

ด้าน Dr. D.J. Verret แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสตศอนาสิก ยืนยันว่า “ความเงียบและการตอบสนองรวดเร็วของ EV ทำให้ผู้โดยสารบางคนเกิดอาการเวียนหัวได้ง่าย

แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะขึ้นชื่อเรื่องการขับขี่ที่ราบเรียบและเงียบ แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่กระตุ้นให้เกิดอาการเมารถ ด้วยเหตุผลที่ว่า

การเร่งและเบรกฉับพลันจากแรงบิดสูง

รถยนต์ไฟฟ้าให้แรงบิดทันทีตั้งแต่กดคันเร่ง และบางรุ่นมีระบบ “one-pedal driving” ที่ใช้การถอนคันเร่งแทนการเบรกปกติ ทำให้เกิดการชะลอตัวแบบรวดเร็วและต่อเนื่อง สมองของผู้โดยสารจึงปรับไม่ทัน

เงียบเกินไป จนสมองคาดการณ์ไม่ถูก

ในรถน้ำมัน เสียงเครื่องยนต์และแรงสั่นสะเทือนช่วยให้ผู้โดยสารเตรียมรับการเปลี่ยนความเร็วได้ แต่ EV ขาดสัญญาณเหล่านี้ จึงเกิดความไม่สอดคล้องระหว่างการมองเห็นและการรับรู้การเคลื่อนไหว (sensory conflict) ทำให้รู้สึกเวียนหัว

ศูนย์ถ่วงต่ำและแรงเหวี่ยงเด่นชัด

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ใต้ท้องรถทำให้ EV มีศูนย์ถ่วงต่ำ เมื่อต้องเลี้ยว แรงเหวี่ยงจึงรู้สึกชัดกว่ารถทั่วไป

วิธีลดอาการเมารถใน EV ทำได้ด้วยการ 

  • ขับรถให้นุ่มนวล มากขึ้นเลี่ยงการเหยียบหรือถอนคันเร่งกะทันหัน
  • ปรับลด regenerative braking  ใช้โหมดเบรกอ่อนหรือปิดหากเป็นไปได้
  • ใช้เสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์ ช่วยให้สมองคาดเดาการเคลื่อนที่
  • นั่งเบาะหน้าและมองไปข้างหน้า ลดความไม่สอดคล้องระหว่างตาและระบบทรงตัว
  • ฝึกปรับตัว เมื่อร่างกายคุ้นชินกับลักษณะการขับของ EV อาการมักจะลดลง

ทั้งนี้ค่ายรถหลายค่ายก็ไม่ได้นิ่งนอนใจขณะนี้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดอาการเมารถ เช่น Honda ทดลองระบบควบคุมคันเร่งนุ่มนวล ลดการกระชาก และ Hyundai หรือ Cadillac ใส่เสียงและเกียร์จำลอง เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกเหมือนนั่งรถน้ำมันมากขึ้น

ที่มาข้อมูล : The Times, New York Post, Health.com, Sanook.com, EV.iPhonemod.net

ที่มารูปภาพ : Canva