
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบตัวเลขผู้ป่วย “โรคชิคุนกุนยา หรือ โรคไข้ปวดข้อยุงลาย” ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 – 30 กรกฎาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสม 735 ราย อัตราป่วย 1.11 ต่อประชากรแสนคน สูงกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 11.94 โดยเริ่มพบผู้ป่วยสูงกว่าปี 2567 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งจังหวัดที่พบผู้ป่วยสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ บึงกาฬ ลำพูน เลย และหนองคาย
สรุปข่าว
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบตัวเลขผู้ป่วย “โรคชิคุนกุนยา หรือ โรคไข้ปวดข้อยุงลาย” ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 – 30 กรกฎาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสม 735 ราย อัตราป่วย 1.11 ต่อประชากรแสนคน สูงกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 11.94 โดยเริ่มพบผู้ป่วยสูงกว่าปี 2567 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งจังหวัดที่พบผู้ป่วยสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ บึงกาฬ ลำพูน เลย และหนองคาย
รู้ทัน โรคชิคุนกุนยา
จากสถานการณ์ตัวเลขยอดสะสมของผู้ป่วย รัฐบาลขอให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายจาก “โรคชิคุนกุนยา” เนื่องด้วยเป็นโรคไวรัสที่มาจากพาหะนำโรคจากยุงลาย เมื่อยุงลายกัดและดูดเลือดผู้ที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาในกระแสเลือด เชื้อจะเข้าสู่ตัวยุงและเพิ่มปริมาณ จากนั้นเมื่อยุงลายตัวดังกล่าวไปกัดผู้อื่นก็สามารถถ่ายทอดเชื้อไปยังผู้อื่นได้ โดยผู้ที่ถูกกัดจะมีอาการแสดงประมาณ 2 – 4 วันหลังถูกยุงลายกัด
อาการโรคชิคุนกุนยา
สำหรับอาการส่วนใหญ่ที่พบมักมีไข้สูงปวดข้อหรือข้ออักเสบหลายข้อ ซึ่งอาการดังกล่าวถือเป็นลักษณะเด่นของโรค โดยมักจะมีอาการเริ่มปวดจากข้อเล็กส่วนปลายก่อน เช่น ข้อนิ้ว ข้อมือ ข้อเท้า มักปวดหลายข้อและเป็นทั้งสองข้างจากนั้นจะปวดลามไปยังข้อที่ใหญ่ขึ้น เช่น ข้อเข่า ข้อศอก ข้อสะโพก หรืออาจปวดข้อกระดูกที่หน้าอก หรือกระดูกสันหลังได้ โดยในบางรายอาจปวดมากจนเดินไม่ได้และระยะเวลาที่ปวดอาจกินเวลานานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน และอาจกลับมาปวดซ้ำ ได้อีก
ทั้งนี้ ในบางรายอาจมีอาการปวดเรื้อรังนาน 3 – 5 ปี นอกจากนี้อาจพบอาการผื่นแดงบริเวณลำตัว แขน และขาเพิ่มเติม หากผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาติดเชื้อโรคไข้เลือดออกร่วมด้วย อาจมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้ง ขอเน้นย้ำว่าหากผู้ที่ติดโรคชิคุนกุนยามีการตั้งครรภ์ โรคดังกล่าวก็ยังสามารถถ่ายทอดไปยังทารกได้อีกด้วย
การติดต่อของโรคชิคุนกุนยา
ชิคุนกุนยา เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา เป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในตระกูล Togaviridae โดยมียุงลายสวน (Aedes albopictus) และยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นพาหะนำโรค ซึ่งพบได้ทั่วไปทั้งในเมืองใหญ่และชนบท มักระบาดในช่วงฤดูฝน หรือ บริเวณที่มีน้ำขัง ทั้งนี้ยุงลายมักชุกชุมและออกหากินช่วงกลางวัน ทำให้เด็กๆ ที่ชอบออกมาเล่นนอกบ้านหรืออยู่ในโรงเรียน เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรค นอกจากนี้แม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคชิคุนกุนยายังสามารถถ่ายทอดไปยังทารกได้อีกด้วย
การป้องกันโรคชิคุนกุนยา
วิธีป้องกันโรคชิคุนกุนยาที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงไม่ถูกยุงลายกัด ซึ่งสามารถทำได้โดย
-รักษาความสะอาดของบ้าน ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง โดยไม่ให้มีน้ำท่วมขัง
-ปลูกต้นไม้หรือจัดสวนให้โปร่งโล่ง ให้แสงแดดส่อง
-นอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงกัด
-ช่วงที่มีการระบาดของยุงลาย ควรใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว รวมถึงทายากันยุง แม้จะเป็นเวลากลางวันก็ตาม
สถานการณ์ผู้ป่วยจากโรคชิคุนกุนยา ในประเทศไทย
สถานการณ์ผู้ป่วยจากโรคชิคุนกุนยา ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนหมั่นดูแลตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงนี้มีฝนตกในหลายพื้นที่ เกิดน้ำท่วมขัง และด้วยสภาพอากาศที่ชื้นแฉะ เหมาะสมแก่การขยายพันธุ์ของยุงลาย จำเป็นอย่างยิ่งในการกำจัดลูกน้ำยุงลายและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
โดยเฉพาะ ในภาชนะต่าง ๆ ที่มีน้ำขัง ประชาชนจะต้องดำเนินมาตรการ 5 ป 1 ข. ประกอบด้วย ปิด เปลี่ยน ปล่อย ปรับ ปฏิบัติ ขัดล้าง ให้ได้ผล อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง จะทำให้ห่างไกลจากโรคชิคุนกุนยามากยิ่งขึ้น” นายอนุกูล ระบุ
- ระวัง “ยุงลาย” พาหะนำ “โรคชิคุนกุนยา” เตือนระบาดหนักหลายพื้นที่
- นักวิจัยสร้างเครื่องแยกพันธุ์ “ยุง” ใช้ AI ช่วยระบุพร้อมแจ้งเตือนความเสี่ยง
- ฟินแลนด์พบไวรัสยักษ์ ใหญ่กว่าโควิด 2 เท่า ครั้งแรกของฟินแลนด์
- "ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ HKU5" เป็นข้อมูลวิจัยในห้องแล็บ ยังไม่มีติดเชื้อไปสู่คน
- จีนพบเชื้อ "ไวรัสตัวใหม่" จากค้างคาว ติดสู่คนได้เหมือนโควิด-19
ที่มาข้อมูล : รัฐบาล/รพ.สมิติเวช
ที่มารูปภาพ : AFP
