ยาแก้ปวด คนสูงอายุไม่ควรกิน เพราะจะทำให้หัวใจวาย

ยาแก้ปวด คนสูงอายุไม่ควรกิน เพราะจะทำให้หัวใจวาย

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เผยว่า ยาแก้ปวด กาบาเพนตินและพรีกาบาลินี้ระวังหัวใจวาย ใน ผู้สูงอายุยาแก้ปวดที่ว่านี้ ไม่ใช่กลุ่มที่เราใช้กันอยู่แล้ว คือ NSAID และ cox-2 inhibitor ซึ่งทั้งหมดเพิ่มความเสี่ยงของเส้นเลือดตันในหัวใจและในสมอง

ยาที่ออกฤทธิ์คนละช่องทางกับ พวกที่กล่าวไปแล้ว กลุ่มนี้ ทั้ง กาบาเพนติน และ พรีกาบาลิน (ชื่อการค้าคือ  Neurontin และ Lyrica ตามลำดับ ) มีข้อบ่งใช้คือ เป็นยาช่วยกันชัก อาการปวดเจ็บจากระบบประสาท แต่ต่อมาใช้กันแพร่หลายในการปวดทุกประเภท ปวดเข่า ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดหัว หรือปวดที่ไม่ได้เกิดจากมะเร็ง

ทั้งสองตัว มีคุณสมบัติในการจับ subunit ย่อย (α2δ-1andα2δ-2) ของ P/Q-type และ N-type neuronal voltage-gated calcium channels และมีผลในการลดการหลั่งสารสื่อประสาท และมีผลทางต้านการรับรู้ความเจ็บปวด

ผลที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและเส้นเลือดที่เริ่มจับตามองได้แก่ หัวใจวาย และบวม เนื่องจากยามีผลเพิ่มเติมใน α2δ subunits L-type calcium channels ที่อยู่ที่ เส้นเลือดและเซลล์กล้ามเนื้อของหัวใจช่วงล่าง และเนื่องจากพรีกาบาลิน มีความแรงกว่ากาบาติน จากการที่มีความสามารถจับกับตัวรับได้แน่นหนากว่า ดังนั้นอาจทำให้มีผลข้างเคียงสูงกว่า

รายงานก่อนหน้านี้ถึงแม้จะมองเห็นความเสี่ยงของหัวใจวาย แล้วขนาดการศึกษายังเล็กและยังสรุปไม่ได้ชัดเจนในเรื่องของอายุ และโรคประจำตัวเป็นต้น

วารสาร JAMA network open 2025 ทั้งนี้เป็นการติดตามผู้ที่ประกันตน กับ เมดิเคด จำนวน 246,237 ราย และ 7.6% เป็นผู้ใช้ พรีกาบาลิน หน้าใหม่หรือครั้งแรก โดยที่ 92.4% ใช้กาบาเพนติน

และเป็นผู้หญิง 66.8% ทั้งหมดมีอายุเฉลี่ยประมาณ 73 ปี (65-89)

สรุปข่าว

ยาแก้ปวด 2 ชนิด ที่คนสูงอายุไม่ควรกิน เพราะจะทำให้หัวใจวาย

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เผยว่า ยาแก้ปวด กาบาเพนตินและพรีกาบาลินี้ระวังหัวใจวาย ใน ผู้สูงอายุยาแก้ปวดที่ว่านี้ ไม่ใช่กลุ่มที่เราใช้กันอยู่แล้ว คือ NSAID และ cox-2 inhibitor ซึ่งทั้งหมดเพิ่มความเสี่ยงของเส้นเลือดตันในหัวใจและในสมอง

ยาที่ออกฤทธิ์คนละช่องทางกับ พวกที่กล่าวไปแล้ว กลุ่มนี้ ทั้ง กาบาเพนติน และ พรีกาบาลิน (ชื่อการค้าคือ  Neurontin และ Lyrica ตามลำดับ ) มีข้อบ่งใช้คือ เป็นยาช่วยกันชัก อาการปวดเจ็บจากระบบประสาท แต่ต่อมาใช้กันแพร่หลายในการปวดทุกประเภท ปวดเข่า ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดหัว หรือปวดที่ไม่ได้เกิดจากมะเร็ง

ทั้งสองตัว มีคุณสมบัติในการจับ subunit ย่อย (α2δ-1andα2δ-2) ของ P/Q-type และ N-type neuronal voltage-gated calcium channels และมีผลในการลดการหลั่งสารสื่อประสาท และมีผลทางต้านการรับรู้ความเจ็บปวด

ผลที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและเส้นเลือดที่เริ่มจับตามองได้แก่ หัวใจวาย และบวม เนื่องจากยามีผลเพิ่มเติมใน α2δ subunits L-type calcium channels ที่อยู่ที่ เส้นเลือดและเซลล์กล้ามเนื้อของหัวใจช่วงล่าง และเนื่องจากพรีกาบาลิน มีความแรงกว่ากาบาติน จากการที่มีความสามารถจับกับตัวรับได้แน่นหนากว่า ดังนั้นอาจทำให้มีผลข้างเคียงสูงกว่า

รายงานก่อนหน้านี้ถึงแม้จะมองเห็นความเสี่ยงของหัวใจวาย แล้วขนาดการศึกษายังเล็กและยังสรุปไม่ได้ชัดเจนในเรื่องของอายุ และโรคประจำตัวเป็นต้น

วารสาร JAMA network open 2025 ทั้งนี้เป็นการติดตามผู้ที่ประกันตน กับ เมดิเคด จำนวน 246,237 ราย และ 7.6% เป็นผู้ใช้ พรีกาบาลิน หน้าใหม่หรือครั้งแรก โดยที่ 92.4% ใช้กาบาเพนติน

และเป็นผู้หญิง 66.8% ทั้งหมดมีอายุเฉลี่ยประมาณ 73 ปี (65-89)

สาเหตุที่ใช้จากการปวดเรื้อรังนั้น มาจากกระดูกและกล้ามเนื้อ หลัง ปวดหัว รวมปวดไมเกรน และปวดจากระบบประสาท โดยที่ จำนวนสาเหตุของแต่ละกลุ่มที่ใช้ยานั้นใกล้เคียงกัน

ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มมีการใช้ยาแก้ปวด cox-2 inhibitor ประมาณ 5% เท่ากัน ใช้ NSAID ประมาณ   36% สเตียรอยด์ประมาณ 30% และยากันชักตัวอื่นที่นำมาใช้แก้ปวดร่วมประมาณน้อยกว่า 1%

ทั้งสองกลุ่มมี ประวัติเคยมีอัมพฤกษ์ เส้นเลือดหัวใจตัน อยู่ที่ประมาณสามถึง 10% มีลักษณะของเส้นเลือดหัวใจตีบประมาณ 20% เคยได้รับการเปลี่ยนเส้นเลือดหัวใจประมาณ 3.5% และมีการสวนหัวใจแก้ไขเส้นเลือดตันประมาณ 5% 

แต่ทั้งหมดไม่เคยมีหัวใจวาย ทั้งสองกลุ่มมีความดันโลหิตสูงประมาณ 79%

ยาลดความดันโลหิต ชนิดต่างๆ มีการใช้ในสองกลุ่มใกล้เคียงกันทั้งสิ้น และรวมทั้งยาขับปัสสาวะ

จากการติดตาม เป็นเวลา 114,113 คน-ปี มี 1470 รายหรือ 1.3% มีหัวใจวายที่เกิดขึ้นใหม่ โดยอุบัติการอยู่ที่ 18.2 ต่อ 1000 คน-ปี ในกลุ่มพรีกาบาลิน เทียบกับ 12.5 ในกลุ่มกาบาเพนติน (HR 1.48 (95% CI,1.19-1.77) พรีกาบาลิน ต่อ กาบาเพนติน) 

ทั้งนี้ ผลกระทบของพรีกาบาลิน ในเรื่องหัวใจวายสูงกว่า กาบาเพนติน ทั้งในกลุ่มที่มีประวัติหัวใจและเส้นเลือด กลุ่มเป็นคนผิวขาว และที่เป็นผู้หญิง

อย่างไรก็ตามอัตราเสียชีวิตไม่แตกต่างกันในสองกลุ่มนี้

กล่าวโดยสรุป ยาทั้งสองตัวในกลุ่มนี้เพิ่มความเสี่ยงของหัวใจวาย โดยเฉพาะในผู้สูงวัย อายุมากกว่า 65 ปี โดยที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ทางระบบหัวใจและเส้นเลือด ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่มีอาการแต่ตรวจพบก็ตาม และพรีกาบาลิน มีความเสี่ยงของหัวใจวายสูงกว่า

รายงานชิ้นนี้ควรจะมีการเตือนผู้ใช้ให้มีความระมัดระวัง สำหรับผู้สูงอายุที่นำไปใช้เป็นเวลานานต่อเนื่องเพื่อบรรเทาอาการปวดเรื้อรังที่ไม่ได้เกิดจากมะเร็ง นอกจากที่มีการเตือนเรื่องง่วง การทรงตัวไม่ดีถึงกับล้ม เป็นต้น

ที่มาข้อมูล : ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา

ที่มารูปภาพ : CANVA