
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เตือนคนรุ่นใหม่ถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่อาจเป็นสาเหตุสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจ
โดยโรคหัวใจไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น แต่สามารถพบได้ในประชาชนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและวัยรุ่นที่อาจมีพฤติกรรมเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว โดยโรคหัวใจนั้นเกิดได้จากทั้งปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น พันธุกรรม อายุ และเพศ ซึ่งหากสมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจตั้งแต่อายุน้อย ก็จะทำให้บุคคลนั้นมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป และเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ระบบการทำงานของร่างกายย่อมเสื่อมถอยตามธรรมชาติ ส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยในภาพรวมพบว่าเพศชายมีแนวโน้มเป็นโรคหัวใจมากกว่าเพศหญิง
สรุปข่าว
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เตือนคนรุ่นใหม่ถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่อาจเป็นสาเหตุสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจ
โดยโรคหัวใจไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น แต่สามารถพบได้ในประชาชนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและวัยรุ่นที่อาจมีพฤติกรรมเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว โดยโรคหัวใจนั้นเกิดได้จากทั้งปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น พันธุกรรม อายุ และเพศ ซึ่งหากสมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจตั้งแต่อายุน้อย ก็จะทำให้บุคคลนั้นมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป และเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ระบบการทำงานของร่างกายย่อมเสื่อมถอยตามธรรมชาติ ส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยในภาพรวมพบว่าเพศชายมีแนวโน้มเป็นโรคหัวใจมากกว่าเพศหญิง
หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจ คือ
พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง เช่น อาหารประเภททอด อาหารมันจัด เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารที่ปรุงด้วยกะทิ รวมถึงของหวานจำพวกเค้กและเบเกอรี่ หากรับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่องก็อาจส่งผลให้ระดับไขมันในเลือดสูง และนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันได้ในที่สุด
นอกจากนี้ ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องระวัง เนื่องจากกลุ่มนี้เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและอันตรายต่อการทำงานของหัวใจ ไม่ว่าจะโรคเบาหวานและไขมันในเลือดสูง ซึ่งล้วนส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หากไม่ดูแลอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือดได้
รวมถึงความเครียดสะสมจากการทำงาน ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากความเครียดจะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น และอาจเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะตามมา
ขณะเดียวกัน การพักผ่อนไม่เพียงพอและการขาดการออกกำลังกาย อาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว รวมทั้ง พฤติกรรมการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้สูบเอง หากอยู่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสอง ก็ยังมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้เช่นเดียวกัน
“โรคหัวใจสามารถป้องกันได้ หากประชาชนมีความตระหนักรู้ในการดูแลสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง และเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการตรวจคัดกรองเกี่ยวกับโรคหัวใจ เพื่อค้นหาความผิดปกติในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ การลด ละ เลิก พฤติกรรมเสี่ยงถือเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลหัวใจให้แข็งแรง” นายอนุกูล ย้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วิจัยชี้ผู้ชายเป็นโรคหัวใจสลายเสี่ยงตายสูงกว่าผู้หญิง
- สัญญาณเตือนโรคหัวใจขาดเลือด ปล่อยทิ้งไว้ไม่ปลอดภัย
- งานวิจัยเผย ผู้หญิงที่ประกอบอาชีพอิสระ เสี่ยงเกิดโรคหัวใจ ได้น้อยกว่าผู้หญิงที่ทำงานในระบบลูกจ้าง
- หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันคืออะไร? สัญญาณเตือน อาการ และวิธีป้องกัน
- เปิดสาเหตุ ‘ไพโรจน์’ เสียชีวิต หลังร่วมโต๊ะอาหารกับเพื่อน
- งานวิจัยเผย ผู้หญิงที่ประกอบอาชีพอิสระ เสี่ยงเกิดโรคหัวใจ ได้น้อยกว่าผู้หญิงที่ทำงานในระบบลูกจ้าง
- แพทย์เผย คนรุ่นใหม่วัยไม่ถึง 30 ปี เสี่ยง "หัวใจวาย" เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี
- สิงคโปร์เตรียมทดลองระบบ AI ช่วยวินิจฉัยโรคหัวใจเร็วขึ้น
- สารเคมีในพลาสติก เอี่ยวเสียชีวิตจากโรคหัวใจกว่า 3.5 แสนราย
- แพทย์กลุ่มเสี่ยงหัวใจผิดจังหวะ เปิดโครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ
ที่มาข้อมูล : รัฐบาล
ที่มารูปภาพ : Getty Images
