ทรัมป์ สั่งปฏิเสธวีซ่าได้ หากป่วยเบาหวาน อ้วน ชี้เป็นภาระของรัฐ

Share on Line Share on Facebook Share on X
ทรัมป์ สั่งปฏิเสธวีซ่าได้ หากป่วยเบาหวาน อ้วน ชี้เป็นภาระของรัฐ

 รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกแนวทางใหม่ที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่กงสุลของสหรัฐฯ สามารถ ปฏิเสธการออกวีซ่า ให้แก่ผู้สมัครที่มีโรคเรื้อรังหรือภาวะสุขภาพบางประเภท เช่น โรคเบาหวาน (diabetes) โรคอ้วน (obesity) และ โรคหัวใจ (heart disease) หากเห็นว่าผู้สมัครอาจกลายเป็น “ภาระของสังคม” หรือมีโอกาสต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากภาครัฐหลังเข้าสหรัฐฯ

แนวทางใหม่นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามต่อเนื่องของรัฐบาลทรัมป์ในการ จำกัดการอพยพของบุคคลที่อาจมีค่าใช้จ่ายทางสุขภาพสูง โดยมีรายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ (U.S. Department of State) ได้ส่งบันทึกภายใน (cable) ไปยังสถานทูตและสถานกงสุลทั่วโลก เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณาปัจจัยด้านสุขภาพเพิ่มเติมระหว่างการตรวจสอบคำขอวีซ่า

สรุปข่าว

แนวทางใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ในปี 2025 ได้ขยายเกณฑ์การปฏิเสธวีซ่าให้ครอบคลุมถึง ภาวะสุขภาพเรื้อรัง ไม่เพียงเฉพาะโรคติดต่ออย่างในอดีต ส่งผลให้ผู้ที่มีโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคอ้วน อาจถูกมองว่าเป็น “ภาระสาธารณะ” และถูกปฏิเสธการเข้าสหรัฐฯ ได้ หากไม่สามารถแสดงหลักฐานว่ามีการเงินและการดูแลสุขภาพเพียงพอ

 รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกแนวทางใหม่ที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่กงสุลของสหรัฐฯ สามารถ ปฏิเสธการออกวีซ่า ให้แก่ผู้สมัครที่มีโรคเรื้อรังหรือภาวะสุขภาพบางประเภท เช่น โรคเบาหวาน (diabetes) โรคอ้วน (obesity) และ โรคหัวใจ (heart disease) หากเห็นว่าผู้สมัครอาจกลายเป็น “ภาระของสังคม” หรือมีโอกาสต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากภาครัฐหลังเข้าสหรัฐฯ

แนวทางใหม่นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามต่อเนื่องของรัฐบาลทรัมป์ในการ จำกัดการอพยพของบุคคลที่อาจมีค่าใช้จ่ายทางสุขภาพสูง โดยมีรายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ (U.S. Department of State) ได้ส่งบันทึกภายใน (cable) ไปยังสถานทูตและสถานกงสุลทั่วโลก เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณาปัจจัยด้านสุขภาพเพิ่มเติมระหว่างการตรวจสอบคำขอวีซ่า

เจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งใหม่นี้จะต้องประเมินว่า ผู้สมัคร “มีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอหรือไม่ในการดูแลสุขภาพของตนตลอดช่วงชีวิต โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐ”

โรคที่อาจถูกพิจารณาเป็นเหตุปฏิเสธ

รายชื่อภาวะสุขภาพที่ถูกระบุในแนวทางฉบับใหม่นี้ ได้แก่

  • โรคหัวใจ
  • โรคอ้วน
  • โรคเบาหวาน
  • โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง
  • โรคเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ

แหล่งข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า แนวทางใหม่นี้ไม่ได้เป็น “กฎอย่างเป็นทางการ” แต่เป็น “แนวปฏิบัติภายใน” ที่ใช้ในการตัดสินใจเป็นกรณี ๆ ไป ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้สมัครบางรายถูกปฏิเสธ แม้มีเอกสารครบถ้วนและไม่มีความผิดทางกฎหมายใด ๆ

เสียงวิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชน

องค์กรสิทธิมนุษยชนและกลุ่มผู้สนับสนุนผู้อพยพออกมาวิจารณ์ว่า นโยบายใหม่นี้อาจเป็น การเลือกปฏิบัติทางสุขภาพ (health discrimination) และอาจทำให้ผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นเพื่อการรักษาพยาบาลหรือมีความฝันในการศึกษาทำงานในสหรัฐฯ ต้องถูกปฏิเสธโดยไม่เป็นธรรม

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญบางรายชี้ว่า การใช้ “สุขภาพ” เป็นเกณฑ์ตัดสินอาจไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของบุคคล เพราะโรคเรื้อรังหลายชนิดสามารถควบคุมได้ด้วยการรักษาอย่างเหมาะสม และผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตหรือทำงานได้ตามปกติ

กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า แนวทางนี้มีจุดประสงค์เพื่อ “ป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขของประเทศรับภาระเกินจำเป็น” และเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่ต้องการให้ผู้อพยพ “สามารถพึ่งพาตนเองได้” แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้มีโรคเรื้อรังทุกคนจะถูกปฏิเสธโดยอัตโนมัติ

ผลกระทบในทางปฏิบัติ

นักกฎหมายด้านตรวจคนเข้าเมืองกล่าวว่า แม้ยังไม่ชัดเจนว่ามีผู้ถูกปฏิเสธวีซ่าจากเหตุผลด้านสุขภาพมากน้อยเพียงใด แต่แนวทางใหม่นี้ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้สมัครวีซ่าทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติทางการแพทย์เกี่ยวกับโรคเรื้อรัง

แท็กบทความ