สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา พระราชกรณียกิจของพระองค์ครอบคลุมทุกมิติแห่งการพัฒนาชาติ ทั้งศิลปาชีพ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม การศึกษา และสาธารณสุข อันเป็นรากฐานแห่งความผาสุกของคนไทย
วันที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 นับเป็นวันแห่งความโศกเศร้าของปวงชนชาวไทย เมื่อสำนักพระราชวังประกาศว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา
ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษแห่งการทรงงาน พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร และทรงเป็นกำลังสำคัญเคียงคู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในการพัฒนาชาติบ้านเมืองอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ บทความนี้ขอพาย้อนถึงพระราชกรณียกิจสำคัญที่ทรงสร้างคุณูปการแก่แผ่นดินไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเล็งเห็นว่าราษฎรในชนบทจำนวนมากขาดโอกาสและรายได้ที่มั่นคง พระองค์จึงทรงก่อตั้ง “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ” เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ฝึกหัดงานหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น การทอผ้าไหม การปักผ้า การจักสาน และงานศิลป์พื้นถิ่นไทย พร้อมส่งเสริมการตลาดและการออกแบบให้ก้าวทันสมัย เกิดการจ้างงานและรายได้หมุนเวียนในชุมชนทั่วประเทศ
พระองค์ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ในการฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ โดยเฉพาะ “ผ้าไหมไทย” ที่ทรงยกระดับให้เป็นอัตลักษณ์แห่งความงามแบบไทย และ “โขนพระราชทาน” ที่พระองค์ทรงให้การอุปถัมภ์จนกลับมาเป็นศิลปะชั้นสูงของแผ่นดิน เป็นที่รู้จักและได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติ
พระองค์ทรงตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ ทรงริเริ่ม “โครงการสวนป่าห้วยทราย” เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ และทรงส่งเสริม “โครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล” เพื่อรักษาสมดุลระบบนิเวศ พระราชดำริด้านสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ยังคงเป็นต้นแบบให้หลายหน่วยงานดำเนินงานต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเชื่อมั่นว่าการศึกษาคือรากฐานของการพัฒนา ทรงพระราชทานทุนการศึกษาแก่เด็กยากไร้ทั่วประเทศ สนับสนุนการจัดตั้งโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร โดยเฉพาะ “โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน” และโรงเรียนสำหรับเด็กไทยภูเขา เพื่อให้เยาวชนได้เข้าถึงการเรียนรู้และมีโอกาสพัฒนาตนเอง
ด้วยพระเมตตาอันล้นพ้น สมเด็จพระพันปีหลวงทรงก่อตั้ง “มูลนิธิสายใจไทย” เพื่อดูแลข้าราชการ ทหาร และตำรวจที่บาดเจ็บหรือพิการจากการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงทรงจัดตั้ง “หน่วยแพทย์พระราชทาน” ออกให้บริการประชาชนในพื้นที่ห่างไกล เป็นความช่วยเหลือที่ยืนยันถึงพระปณิธาน “ไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”
ทุกครั้งที่ประเทศเกิดภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือไฟไหม้ พระองค์จะเสด็จเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยด้วยพระองค์เอง พระราชทานถุงยังชีพ สิ่งของจำเป็น และกำลังใจให้แก่ผู้ทุกข์ยาก ทรงยืนหยัดเคียงข้างประชาชนในยามเดือดร้อนทุกครั้งอย่างไม่ทรงย่อท้อ
พระราชจริยวัตรของสมเด็จพระพันปีหลวงสะท้อนถึงความเรียบง่าย ความเมตตา และความเสียสละอันบริสุทธิ์ พระองค์ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า “แม่ของแผ่นดิน” อันเป็นเกียรติสูงสุดที่พสกนิกรถวายด้วยความรักและเทิดทูนในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้