
หากเทียบสถานการณ์น้ำ ปี 54 ปี 65 และ ปี 68 จะพบว่า ในปี 2554 มีพายุที่ส่งผลกระทบกับไทยจำนวน 5 ลูก ได้แก่ ไห่หม่า (มิ.ย.) นกเตน (ก.ค.)ไห่ถาง (ก.ย.) เนสาด (ก.ย.) และนาแก (ก.ย.) ส่วนปี 2565 มีพายุจำนวน 1 ลูก คือ โนรู (ก.ย.) ซึ่งส่งผลให้มีน้ำท่วมหลายพื้นที่ในระดับหนึ่ง และปี 2568 มีพายุจำนวนมากที่สุดถึง 7 ลูก ได้แก่ วิภา (ก.ค.) คาจิกิ (ส.ค.) หนองฟ้า (ส.ค.-ก.ย.) รากาซา (ก.ย.) บัวลอย (ก.ย.) แมตโม (ต.ค.) และล่าสุดคัลแมกี (พ.ย.)
ปริมาณฝนสะสมของประเทศไทยในปี 2554 เริ่มต้นเร็วกว่าปกติ โดยมีฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 24% ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 61 ปี นับจากปี พ.ศ. 2494 ส่วนปี 2565 มีปริมาณฝนเฉลี่ยทั่วประเทศ 1,876 มม. มากกว่าค่าเฉลี่ย 27% และถือว่ามีฝนมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากปี 2554 ที่มีปริมาณฝนสูงสุด สำหรับปี 2568 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึง 5 ตุลาคม มีปริมาณฝนทั้งประเทศอยู่ที่ 1,427 มิลลิเมตร หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ย 7%
ข้อมูลจาก 4 เขื่อนหลัก พบว่า ปี 2554 เขื่อนรองรับน้ำได้ 324 ล้าน ลบ.ม. (วันที่ 6 ต.ค.), ปี 2565 รองรับได้ 5,807 ล้าน ลบ.ม., และปี 2568 รองรับได้ 316 ล้าน ลบ.ม. (วันที่ 11 พ.ย.) ส่วนปริมาณน้ำท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย. 2568) ระบุว่า ในปี 2568 ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,748 ลบ.ม./วินาที และการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 2,900 ลบ.ม./วินาที
สรุปข่าว
หากเทียบสถานการณ์น้ำ ปี 54 ปี 65 และ ปี 68 จะพบว่า ในปี 2554 มีพายุที่ส่งผลกระทบกับไทยจำนวน 5 ลูก ได้แก่ ไห่หม่า (มิ.ย.) นกเตน (ก.ค.)ไห่ถาง (ก.ย.) เนสาด (ก.ย.) และนาแก (ก.ย.) ส่วนปี 2565 มีพายุจำนวน 1 ลูก คือ โนรู (ก.ย.) ซึ่งส่งผลให้มีน้ำท่วมหลายพื้นที่ในระดับหนึ่ง และปี 2568 มีพายุจำนวนมากที่สุดถึง 7 ลูก ได้แก่ วิภา (ก.ค.) คาจิกิ (ส.ค.) หนองฟ้า (ส.ค.-ก.ย.) รากาซา (ก.ย.) บัวลอย (ก.ย.) แมตโม (ต.ค.) และล่าสุดคัลแมกี (พ.ย.)
ปริมาณฝนสะสมของประเทศไทยในปี 2554 เริ่มต้นเร็วกว่าปกติ โดยมีฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 24% ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 61 ปี นับจากปี พ.ศ. 2494 ส่วนปี 2565 มีปริมาณฝนเฉลี่ยทั่วประเทศ 1,876 มม. มากกว่าค่าเฉลี่ย 27% และถือว่ามีฝนมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากปี 2554 ที่มีปริมาณฝนสูงสุด สำหรับปี 2568 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึง 5 ตุลาคม มีปริมาณฝนทั้งประเทศอยู่ที่ 1,427 มิลลิเมตร หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ย 7%
ข้อมูลจาก 4 เขื่อนหลัก พบว่า ปี 2554 เขื่อนรองรับน้ำได้ 324 ล้าน ลบ.ม. (วันที่ 6 ต.ค.), ปี 2565 รองรับได้ 5,807 ล้าน ลบ.ม., และปี 2568 รองรับได้ 316 ล้าน ลบ.ม. (วันที่ 11 พ.ย.) ส่วนปริมาณน้ำท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย. 2568) ระบุว่า ในปี 2568 ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,748 ลบ.ม./วินาที และการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 2,900 ลบ.ม./วินาที
- GISTDA เปิดภาพ “พื้นที่สีดำ” น้ำท่วมเรื้อรังต่อเนื่อง 2 เดือน สัญญาณวิกฤตที่ต้องจัดการด่วน!
- เปิดภาพดาวเทียม “พื้นที่สีดำ” สะท้อนวิกฤตภาคกลางน้ำท่วมเรื้อรังนานกว่า 2 เดือน
- วิกฤต "ลุ่มเจ้าพระยา" ไขสาเหตุเขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำ บริหารผิดพลาด หรือเหตุสุดวิสัย?
- เจาะลึกสาเหตุน้ำท่วม ลุ่มภาคกลางวิกฤต
- กทม. ย้ำคุมสถานการณ์น้ำเจ้าพระยาได้ เตือน 11 ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำเฝ้าระวังใกล้ชิด
ที่มาข้อมูล : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สกนช.)
ที่มารูปภาพ : reuters
