ปัญหาเขตแดน “ไทย-กัมพูชา” แก้ปัญหาอย่างไร? ดีต่อประเทศมากที่สุด

Share on Line Share on Facebook Share on X
ปัญหาเขตแดน “ไทย-กัมพูชา”  แก้ปัญหาอย่างไร? ดีต่อประเทศมากที่สุด

ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาสู่จุดเปราะบางที่อาจนำไปสู่การปะทะกันอีกครั้ง หลังทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ นำมาสู่การประกาศระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา

เมื่อแนวทางแก้ปัญหาจากโต๊ะเจรจาถูกระงับการแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชาควรเดินต่ออย่างไร?

ในการตอบคำถามของกลุ่มสำรวจในหวัข้อ“ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา ท่านคิดว่าควรแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการใดที่จะดีต่อประเทศมากที่สุด”ผลการวิจัยพบว่า (มี 5,274 คนตอบคำถามข้อนี้)



32.69% เจรจาตกลงกันทุกวิถีทาง (1,724 คน)

24.52% รบทำสงครามให้ถึงที่สุด  (1,293 คน)

19.74%  ให้ศาลโลกตัดสิน (1,041 คน)

23.05%  ไม่แสดงความเห็น (1,216 คน)



สรุปข่าว

ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาสู่จุดเปราะบางที่อาจนำไปสู่การปะทะอีกครั้ง หลังทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ นำมาสู่การประกาศระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา จากการสำรวจพบว่าแนวทางสันติวิธีคือการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชาที่ดีที่สุดในมุมมองของประชาชนส่วนใหญ่

ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาสู่จุดเปราะบางที่อาจนำไปสู่การปะทะกันอีกครั้ง หลังทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ นำมาสู่การประกาศระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา

เมื่อแนวทางแก้ปัญหาจากโต๊ะเจรจาถูกระงับการแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชาควรเดินต่ออย่างไร?

ในการตอบคำถามของกลุ่มสำรวจในหวัข้อ“ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา ท่านคิดว่าควรแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการใดที่จะดีต่อประเทศมากที่สุด”ผลการวิจัยพบว่า (มี 5,274 คนตอบคำถามข้อนี้)



32.69% เจรจาตกลงกันทุกวิถีทาง (1,724 คน)

24.52% รบทำสงครามให้ถึงที่สุด  (1,293 คน)

19.74%  ให้ศาลโลกตัดสิน (1,041 คน)

23.05%  ไม่แสดงความเห็น (1,216 คน)



ข้อสังเกตจากแบบสอบถาม

เสียงของคนกรุงเทพฯ ที่ให้รบทำสงครามให้ถึงที่สุด มีสูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ คือ  28.1%

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวคิดให้รบทำสงครามให้ถึงที่สุดอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ทั้งประเทศ คือมีเพียง  21.1% เพราะเป็นภาคที่ได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชามากที่สุด ส่วนใหญ่ปรารถนาให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างสันติวิธีทั้งด้วยการเจรจาและไปศาลโลก

แนวทางสันติวิธีคือการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชาที่ดีที่สุด 

รวมเจรจาตกลงกันทุกวิถีทาง 32.69% และให้ศาลโลกตัดสิน 19.74% รวมมีมากถึง 52.43%

ผลการสำรวจของประชาชนมีมากถึง 19.74% ปรารถนาให้ศาลโลกตัดสินเพื่อยุติปัญหาอย่างแท้จริง แม้ฝ่ายทหารและรัฐบาลไทยจะปฏิเสธการขึ้นศาลโลก และสื่อในสังคมไทยแทบจะไม่พูดถึงเรื่องนี้



ข้อมูลสัมภาษณ์เชิงลึก

คำอธิบายของผู้เลือกวิธีการเจรจาแก้ไขปัญหากันทุกวิถีทาง ที่สำคัญได้แก่ การใช้กำลังอาวุธสงครามเพื่อครอบครองดินแดนไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ถาวร, การใช้กำลังอาวุธสงครามเพื่อครอบครองดินแดนไม่เป็นที่ยอมรับของโลกนานาชาติ, ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนเป็นปัญหามรดกอาณานิคมที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีปัญหาแบบเดียวกัน, การเจรจาแบบสองประเทศและแบบมีประเทศเป็นกลางเข้าร่วมเป็นการแก้ไขปัญหาที่สันติวิธี, การเจรจาเป็นการรักษาสันติภาพและการอยู่ร่วมกันของคนสองประเทศ, เราย้ายดินแดนออกจากกันไม่ได้, สันติภาพค้ำจุนโลก, สันติภาพคือหนทางความเจริญของชาติไทย, สันติภาพคือหลักการชาติประชาธิปไตย

คำอธิบายของผู้เลือกวิธีการให้ศาลโลกตัดสิน ที่สำคัญได้แก่ ไทยเป็นชาติเจริญแล้ว, หากดินแดนเป็นของเราจริงก็ให้ศาลโลกตัดสินให้เด็ดขาดจะได้ยุติปัญหาอย่างสิ้นเชิง, ศาลโลกมีขึ้นเพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างสันติวิธี, ไทยเราต้องกล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง, การยุติปัญหาด้วยศาลโลกจะทำให้ไทยหันไปใช้เวลากับการพัฒนาประเทศแทนการหมกมุ่นปัญหาเขตแดนแบบเดิม ๆ

คำอธิบายของผู้เลือกวิธีการรบทำสงครามให้ถึงที่สุด ที่สำคัญได้แก่ ดินแดนตรงนั้นเป็นของไทยอย่างแน่นอน, ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำดินแดนไทยตลอดมา, ไทยมีกำลังรบเหนือกว่าดังนั้นควรยุติด้วยการรบให้เด็ดขาด ไทยควรสั่งสอนกัมพูชา, ไทยมีคนมากกว่ากัมพูชา, ไทยมีเศรษฐกิจที่ดีกว่ากัมพูชา, เราเสียดินแดนมาตลอด ควรยุติเรื่องนี้ได้แล้ว, เราถอยไปไม่ได้อีกแล้


สำหรับงานวิจัยส่วนบุคคลของ รองศาสตราจารย์ ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต เก็บข้อมูลแบบสอบถามจากคนทั้งประเทศ จำนวน 5,300 คน เก็บแบบสอบถามระหว่าง 4-19 ตุลาคม 2568 โดยนักศึกษาปริญญาตรี-โท-เอก คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต 160 คน เก็บแบบสอบถามใน 53 จังหวัด 101 อำเภอและเขต