
วันนี้ ( 15 ธ.ค. 68 )สถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสุรินทร์ ยังคงตึงเครียดต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 โดยเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 15 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 06.06 น. กองทัพกัมพูชาได้เริ่มระดมยิงจรวด BM-21 เข้ามายังพื้นที่ชายแดนด้าน ปราสาทตาควาย และ เนิน 350 อีกครั้ง เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวสลับกับเสียงปืนตอบโต้จากฝ่ายไทยเป็นระยะ คาดว่าการปะทะจะเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน
สรุปข่าว
วันนี้ ( 15 ธ.ค. 68 )สถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสุรินทร์ ยังคงตึงเครียดต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 โดยเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 15 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 06.06 น. กองทัพกัมพูชาได้เริ่มระดมยิงจรวด BM-21 เข้ามายังพื้นที่ชายแดนด้าน ปราสาทตาควาย และ เนิน 350 อีกครั้ง เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวสลับกับเสียงปืนตอบโต้จากฝ่ายไทยเป็นระยะ คาดว่าการปะทะจะเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน
จุดปะทะเดือด ปราสาทตาควาย-เนิน 350
พื้นที่ปะทะหลักยังคงอยู่ในบริเวณปราสาทตาควาย, เนิน 350, ช่องกร่าง และปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด เนื่องจากมีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาต้องการยึดคืนปราสาทตาควายและเนิน 350 ซึ่งเป็น "จุดสูงข่ม" ทางยุทธศาสตร์ให้ได้
ระดมยิงหนักวานนี้ - เสริมกำลังทหาร
ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงค่ำของวานนี้ (14 ธ.ค. 2568) กัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาในฝั่งไทยจำนวนมาก ลูกจรวดได้ตกกระจายสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนราษฎร, วัด, สวนยาง และไร่นา ในพื้นที่ตำบลบักได อำเภอพนมดงรักฯ ขณะที่ปืนใหญ่จากฝ่ายไทยก็ยิงตอบโต้อย่างทันท่วงทีเป็นชุดๆ จนกระทั่งเสียงปืนเริ่มเบาบางลงในเวลาประมาณ 22.00 น.
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข้อมูลว่า กองทัพกัมพูชาได้มีการ เสริมกำลังทหารอีก 300 นาย เข้ามาในพื้นที่ เพื่อเตรียมการเอาคืนบริเวณ ช่องจอม, ช่องระยี และช่องปลดต่าง แม้ว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนช่องจอมจะเงียบสงบมาแล้ว 2 วัน แต่ก็ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปในวันนี้
- อ. กันทรลักษ์ สั่งอพยพประชาชนพื้นที่เสี่ยง เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
- ชายแดนไทย-กัมพูชาตึงเครียด ปะทะหนักทั้งคืน กองทัพภาค 2 โต้เชิงรุก
- ทภ. 2 เผยฝ่ายกัมพูชาระดมกำลังเสริมปืนใหญ่ - ใช้โดรน UAV - FPV ต่อเนื่อง
- กต.จัดเที่ยวบินวันละพันที่นั่ง พาคนไทยในกัมพูชากลับประเทศ
- สรุปสถานการณ์กสู้รบชายแดน กองทัพไทยยึด - ทำลายเป้าหมายข้าศึกจำนวนมาก
