

สรุปข่าว
วันที่ 16 ธันวาคม
2562
การทำนาปรัง ของชาวนา จ.กาฬสินธุ์
ในพื้นที่รับน้ำชลประทานลำปาว หลังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว
ระบายน้ำเพื่อการเกษตรกรรมในฤดูแล้ง ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา
พบว่าได้ลงมือไถ คราด และเพาะปลูกกันแล้ว นายนิวาส
คำฤาเดช ชาวนาบ้านตูม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด กล่าวว่า
วิธีการทำนาของชาวนาในทุกวันนี้นิยมทำนาหว่าน ซึ่งมีทั้งหว่านตมและหว่านแห้ง
เพราะสะดวก รวดเร็วและประหยัดกว่าการทำนาดำ เนื่องจากการทำนาดำต้องทำหลายขั้นตอน
เช่น หว่านเมล็ดพันธุ์ ถอนกล้า นำไปปักดำ ซึ่งต้องใช้แรงงาน
ทำให้สิ้นเปลืองรายจ่ายในการถอนต้นกล้าและปักดำเป็นจำนวนมาก หากรวมค่าปุ๋ย
ค่าแรงงาน ค่ารถไถ คราด เฉลี่ยไร่ต้นทุนการทำนาดำตกไร่ละไม่ต่ำกว่า 5 พันบาททีเดียว
จึงสู้ทำนาหว่านไม่ได้ คือหว่านครั้งเดียวจบ รอเก็บเกี่ยวอย่างเดียว
นายนิวาส กล่าวอีกว่า การทำนาหว่านมี 2 วิธี
คือหว่านตมและหว่านแห้ง เมล็ดพันธุ์อาจจะใช้แบบเมล็ดแห้งหรือผ่านการบ่มเพาะโดยการแช่น้ำ
จนมีรากงอกออกมานิดหน่อยก็ได้ ตามสะดวก
ขณะที่การหว่านแต่เดิมใช้มือกำเมล็ดข้าวหว่าน
ต่อมามีการพัฒนามาเป็นเครื่องพ่นเมล็ดพันธุ์ เพื่ออำนวยความสะดวก
ช่วยให้การหว่านข้าวรวดเร็วยิ่งขึ้น
แต่ระยะความห่างของเมล็ดพันธุ์และต้นข้าวเมื่องอกออกมาไม่สม่ำเสมอ ถี่บ้าง
ห่างบ้าง ทำให้เสียเวลามาถอนและซ่อมแซมต้นข้าวอีก ไม่จบในครั้งเดียว
จึงได้คิดหาวิธีการเพาะปลูกข้าวแบบใหม่ เพื่อทางเลือกที่ดีกว่า
โดยคิดว่าหากมีเครื่องหยอดเมล็ดข้าวเปลือก ติดตั้งกับรถไถนาเดินตาม
คงจะทำให้ต้นข้าวงอกสม่ำเสมอ และสะดวกกว่าการใช้มือหว่าน หรือดีกว่าใช้เครื่องพ่นเมล็ด
นายนิวาส กล่าวเพิ่มเติมว่า
จากนั้นจึงได้นำแนวคิดไปปรึกษากับช่างเชื่อมเหล็กหลายคน
เพื่อให้ออกแบบและประดิษฐ์เครื่องหยอดเมล็ดข้าวเปลือก
ก่อนที่จะไปพบกับช่างท้องถิ่นคนหนึ่ง ที่ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์
ซึ่งได้ใช้ภูมิปัญญาออกแบบและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ จากการนำเครื่องหยอดเมล็ดข้าว
ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากภูมิปัญญามาใช้งาน ในฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปีที่ผ่านมา
ได้ผลดีมาก เช่น ทำเวลาได้รวดเร็ว ประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา
ประหยัดเมล็ดพันธุ์ โดยพื้นที่ 5 ไร่ ใช้เวลาหยอดเมล็ด 3 ชั่วโมงแล้วเสร็จ
ใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 30 กก.
หลังจากหยอดเสร็จก็ปล่อยน้ำขังแปลงนา เพื่อให้ความชุ่มชื้นที่พอเหมาะ ประมาณ 5-7 วันเริ่มเห็นเมล็ดงอก
ระยะห่างเมล็ดข้าวออกสม่ำเสมอ เป็นแถว ง่ายต่อการกำจัดวัชพืชหรือพันธุ์ข้าวปลอมปน
ผลผลิตใกล้เคียงกับการทำนาดำ ซึ่งเป็นผลดีกับชาวนาที่ต้องการผลผลิตข้าวคุณภาพ
โดยเฉพาะสมาชิกผู้ปลูกข้าวเมล็ดพันธุ์ ของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวกาฬสินธุ์
“จากการทำนาปีด้วยเครื่องหยอด และได้ผลดีดังกล่าว ทำให้การทำนาปรังปีนี้ มีเพื่อนชาวนาหันมาทำนาหยอดเหมือนตนมากขึ้น โดยเครื่องหยอดที่นำมาติดตั้งรถไถนาเดินตาม ใช้ได้เฉพาะการทำนาหยอดแห้งเท่านั้น น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย คิดค่าจ้างราคากันเอง เพราะเห็นใจเพื่อนชาวนาด้วยกัน หากเจ้าของนาจ้างทั้งรถไถนาเดินตามและให้ตนเป็นคนขับหยอดให้ คิดราคาไร่ละ 250 บาท หรือหากรถไถนาเดินตามเป็นของเจ้าของนา และเจ้าของนาหยอดเอง คิดค่าเช่าเครื่องหยอดเพียงไร่ละ 150-200 บาทเท่านั้น การทำนาหยอดแห้ง ด้วยเครื่องหยอดดังกล่าว จึงประหยัดทั้งเวลา ค่าจ้างแรงงาน เมล็ดพันธุ์ และรายจ่ายอื่นๆกว่าการทำนาดำหลายเท่าตัว หากเปรียบเทียบเฉพาะในพื้นที่และเวลาเท่ากัน คือพื้นที่ 5 ไร่ ทำนาหยอดใช้เวลา 3 ชั่วโมง แต่หากใช้แรงงานคนถอนกล้าและปัก ในช่วงเวลา 3 ชั่วโมงเท่ากันดังกล่าว อาจจะต้องใช้แรงงานคนไม่ต่ำกว่า 50 คน ค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าแรงคนละ 300 บาท จะต้องใช้เงินถึง 15,000 บาททีเดียว ขณะที่การใช้รถหยอดใช้แรงงานเพียง 1 คน ค่าจ้างเพียง 100-250 บาทเท่านั้น” นายนิวาส กล่าว
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -