
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรงจากวาตภัย และอุทกภัยเพิ่มเติม รวม 3 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และพัทลุง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้าง และผู้ประกันตน ในงวด พ.ย. 67 - ก.พ.68 ขยายออกเป็น 15 มี.ค. - 15 มิ.ย.68
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบลดหย่อนการออกเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของนายจ้าง ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 และผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรงเพิ่มเติม รวม 3 จังหวัดดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้าง และผู้ประกันตน
โดยให้การลดหย่อนการออกเงินสมทบ ในส่วนของนายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ลดลงมาเหลือ 3% จากเดิมที่จะต้องนำส่ง 5% และผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 ส่งเงินสมทบเหลือเดือนละ 283 บาท จากเดิมเดือนละ 432 บาท โดยให้มีผลใช้บังคับในงวดเดือนพ.ย.67 - งวดเดือนเม.ย.68
สรุปข่าว
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ และการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรงจากวาตภัย และอุทกภัยเพิ่มเติม รวม 3 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และพัทลุง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้าง และผู้ประกันตน ในงวด พ.ย. 67 - ก.พ.68 ขยายออกเป็น 15 มี.ค. - 15 มิ.ย.68
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบลดหย่อนการออกเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของนายจ้าง ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 และผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรงเพิ่มเติม รวม 3 จังหวัดดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่นายจ้าง และผู้ประกันตน
โดยให้การลดหย่อนการออกเงินสมทบ ในส่วนของนายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ลดลงมาเหลือ 3% จากเดิมที่จะต้องนำส่ง 5% และผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 ส่งเงินสมทบเหลือเดือนละ 283 บาท จากเดิมเดือนละ 432 บาท โดยให้มีผลใช้บังคับในงวดเดือนพ.ย.67 - งวดเดือนเม.ย.68
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การขยายระยะเวลาดังกล่าว จะเป็นการช่วยเหลือเยียวยาภาระด้านการเงินของนายจ้าง และผู้ประกันตน และการปรับลดอัตราเงินสมทบดังกล่าว จะส่งผลดีต่อนายจ้าง และผู้ประกันตน กล่าวคือ ในส่วนของนายจ้างจะเป็นการช่วยแบ่งเบาและลดภาระค่าใช้จ่ายในสถานประกอบการ โดยส่งผลให้นายจ้างมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น สามารถนำเงินดังกล่าวมาฟื้นฟูสถานประกอบการจากความเสียหายที่เกิดขึ้นอันเนื่องจากภัยพิบัติ
ส่วนผู้ประกันตน สามารถนำเงินสมทบที่ลดลง ไปใช้จ่ายเกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจ และลดปัญหาการขาดสภาพคล่อง และปัญหาทางการเงินของผู้ประกันตน เพื่อให้สามารถนำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายเพื่อช่วยลดความเสียหาย อันเกิดจากภัยพิบัติและฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ที่ได้รับผลกระทบจากการประสบภัยพิบัติอย่างร้ายแรงจากกรณีวาตภัยและอุทกภัย
- "ธนาคารกรุงเทพ" จับมือ "ประกันสังคม"ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 3,000 ล้านบาท
- บอร์ดค่าแรงไม่พร้อมจ่อเลื่อนถก5มิ.ย.นี้
- ประกันสังคมคืนเงิน 900 บาท เริ่มทยอยคืนให้ผู้ประกันตน เช็กเลยใครได้?
- รักษาโรคไตฟรี! สำหรับผู้ประกันตน ม.33-ม.39 เช็กเลยใช้เอกสารอะไรบ้าง
- ครม. มีมติให้ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รักษาราชการแทนดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ
- เช็กรายละเอียด-เงื่อนไข ถูกเลิกจ้าง-ลาออก มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือจากประกันสังคม
- ประกันสังคม เพิ่มเงินทดแทน “กรณีว่างงาน ถูกเลิกจ้าง” เป็น 60% เช็กเลยที่นี่!
TNNThailand