
นายกฯ ย้ำ “ยังไม่เปิดด่าน” ไทย–กัมพูชา ต้องทำตามปฏิญญา 4 ข้อก่อน
วันที่ 27 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลการลงนามถ้อยแถลงร่วมกับกัมพูชา โดยยืนยันชัดว่า “ยังไม่มีการเปิดด่าน” และขณะนี้ ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น
นายอนุทินกล่าวว่า ถ้อยแถลงที่ลงนามมีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยาน เป็นเพียงกรอบข้อตกลงที่แต่ละประเทศต้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะ ฝ่ายกัมพูชา ที่ต้องเริ่มปฏิบัติก่อน เนื่องจากเป็นฝ่ายที่ละเมิดความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน
กัมพูชาต้องทำตาม “ปฏิญญา 4 ข้อ” ก่อนพิจารณาเปิดด่าน
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ก่อนการพิจารณาเปิดด่าน ไทยกำหนดให้กัมพูชาต้องดำเนินการตามปฏิญญา 4 ข้อ ได้แก่
ถอนอาวุธหนัก ออกจากพื้นที่ชายแดน โดยไทยพร้อมปฏิบัติตามหลังเห็นท่าทีจริงจังจากกัมพูชา
เก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยไทยรับผิดชอบดำเนินการ และมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) คอยตรวจสอบ
หารือและร่วมปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ รวมถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยีข้ามชาติ โดยไทยดำเนินการตัดสัญญาณ ตรวจธุรกรรม และรอข้อมูลจากฝั่งกัมพูชาเพื่อบูรณาการการปราบปราม
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต หลังลดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนให้กลับสู่ภาวะปกติ
นายอนุทินระบุว่า ขั้นตอนการหารือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศจะทำผ่านช่องทางทวิภาคี โดยมีคณะผู้ช่วยทูตทหารจากอาเซียนทำหน้าที่สังเกตการณ์ เพื่อยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย
สรุปข่าว
นายกฯ ย้ำ “ยังไม่เปิดด่าน” ไทย–กัมพูชา ต้องทำตามปฏิญญา 4 ข้อก่อน
วันที่ 27 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลการลงนามถ้อยแถลงร่วมกับกัมพูชา โดยยืนยันชัดว่า “ยังไม่มีการเปิดด่าน” และขณะนี้ ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น
นายอนุทินกล่าวว่า ถ้อยแถลงที่ลงนามมีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยาน เป็นเพียงกรอบข้อตกลงที่แต่ละประเทศต้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะ ฝ่ายกัมพูชา ที่ต้องเริ่มปฏิบัติก่อน เนื่องจากเป็นฝ่ายที่ละเมิดความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน
กัมพูชาต้องทำตาม “ปฏิญญา 4 ข้อ” ก่อนพิจารณาเปิดด่าน
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ก่อนการพิจารณาเปิดด่าน ไทยกำหนดให้กัมพูชาต้องดำเนินการตามปฏิญญา 4 ข้อ ได้แก่
ถอนอาวุธหนัก ออกจากพื้นที่ชายแดน โดยไทยพร้อมปฏิบัติตามหลังเห็นท่าทีจริงจังจากกัมพูชา
เก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยไทยรับผิดชอบดำเนินการ และมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) คอยตรวจสอบ
หารือและร่วมปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ รวมถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยีข้ามชาติ โดยไทยดำเนินการตัดสัญญาณ ตรวจธุรกรรม และรอข้อมูลจากฝั่งกัมพูชาเพื่อบูรณาการการปราบปราม
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต หลังลดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนให้กลับสู่ภาวะปกติ
นายอนุทินระบุว่า ขั้นตอนการหารือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศจะทำผ่านช่องทางทวิภาคี โดยมีคณะผู้ช่วยทูตทหารจากอาเซียนทำหน้าที่สังเกตการณ์ เพื่อยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย
ไทยพร้อมฟื้นสัมพันธ์เมื่อปลอดภัย–มั่นคง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนเป็นอันดับแรก พร้อมย้ำว่า “การเปิดด่านจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย” หลังสถานการณ์ปลอดภัย และความสัมพันธ์ทางการทูตกลับสู่ภาวะปกติ
“ด่านยังไม่เปิดแน่นอน จะเปิดได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชาดำเนินการตามปฏิญญาอย่างเป็นรูปธรรมก่อน ไทยอยู่ในฐานะฝ่ายที่ถูกรุกราน เราจึงมีสิทธิกำหนดเงื่อนไข เพื่อให้เกิดความมั่นคงและความสงบยั่งยืน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
- “อนุทิน” ย้ำ MOU แร่ธาตุหายาก ไทย–สหรัฐฯ โปร่งใส อยู่ภายใต้กฎหมายไทย
- นายกฯ แถลง “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” สวรรคต สูญเสีย“แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน”
- นายกฯ ยืนยันเข้าร่วมลงนามสันติภาพไทย - กัมพูชา ที่จะจัดขึ้นวันที่ 26 ต.ค.
- สถานการณ์ชายแดนสระแก้ว พบกัมพูชา 30 คนแฝงตัวพื้นที่เกษตรฯ ลอบสังเกตฝั่งไทย
บรรณาธิการออนไลน์
